ลงทุนสไตล์ ดอน กิโฆเต้

พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล

ความพยายามดันดัชนี SET ให้ยืนเหนือ 1,600 จุด เพื่อสร้างหลักหมุดใหม่ในภาคเช้าวานนี้ โดยอาศัยความคาดหวังว่าสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน จะบรรลุทางออกบางส่วนที่ทำให้ตลาดเดินหน้าไปต่อได้ เกือบจะสำเร็จ

น่าเสียดาย ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง

แรงขายทำกำไรออกมาในภาคบ่าย ฉุดให้ดัชนีติดลบจนได้ แม้จะถือว่าเป็นการย่ำฐานให้แน่นก็ตามที

เหตุผลของการขายทำกำไร มีคำอธิบายแบบ “วีรชนหลังสงคราม” ว่า มี 2 ปัจจัยลบบ่ายวานนี้

1) ในต่างประเทศ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เคยกำหนดไว้ 2 วัน ไม่แล้วเสร็จในประเด็นไม่เปิดเผย ต้องรอผลเจรจาเข้าสู่วันที่สามว่าจะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศได้ หรือจะแค่ “ตกลงว่าไม่ตกลง” แม้นายสตีเวน วินเบิร์ก เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยกับสื่อมวลชนที่กรุงปักกิ่งว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ จากเดิมที่มีกำหนดเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่า การเจรจาของทั้งสองฝ่ายดำเนินไปด้วยดี

2) ในประเทศ จิตวิทยาเชิงลบจากหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลที่เข้ามากดดัน หลังจากที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้เพิ่มรายการสินค้า “ยาและเวชภัณฑ์” เข้ามาอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุมปี 2562 ซึ่งมองว่ายาถูกจัดเป็นสินค้าควบคุมอยู่แล้วแต่การนำเวชภัณฑ์เข้ามาเป็นสินค้าควบคุมก็ทำให้ได้รับผลกระทบบ้าง ส่งผลให้ตลาดฯ เสียโมเมนตัมในหุ้นโรงพยาบาลที่โอกาสค้ากำไรเกินควรยากขึ้น

ผลพวงจากการประชุม กกร.ยังมีเรื่องบวกข้างหน้า เพราะมุมมองยังดีต่อไป โดยประเมินว่าในปี 2562 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยน่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 4.0% หรืออยู่ในกรอบประมาณการที่ 4.0-4.3% โดยทิศทางเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2561 จากเครื่องชี้ด้านต่างประเทศทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งอาจเผชิญความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนผลจากสงครามการค้าที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจต้องพึ่งพิงการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐที่จะมีบทบาทนำการลงทุนของเอกชน

ในขณะที่ผลกระทบจากพายุปาบึกต่อเศรษฐกิจไทย คงเป็นปัจจัยระยะสั้น ซึ่งเชื่อว่าการฟื้นฟูความเสียหายและมาตรการเยียวยาต่าง ๆ จากทุกภาคส่วน จะช่วยบรรเทาผลกระทบได้

ขณะที่คาดว่าการส่งออกไทยปีนี้ น่าจะขยายตัวในกรอบ 5.0-7.0% จากหมวดสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรเป็นหลัก

ส่วนกรณีการเลื่อนการเลือกตั้ง กกร.มองว่าจะมีผลกระทบไม่มากนักต่อเศรษฐกิจ ซึ่งนักลงทุนยังคงเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐคงจะสามารถเดินหน้าได้ ขณะที่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก

มุมมองเชิงบวกอย่างไม่เต็มที่ และใช้ความระมัดระวังยิ่ง เป็นเรื่องสะท้อนให้เห็นว่าเส้นทางลงทุนในปีนี้ของตลาดหุ้นไทย ยังคงต้องการความกล้าหาญเกินปกติของนักลงทุนมากเป็นพิเศษ

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้ การลงทุนตามสัญชาตญาณ และความเชื่อส่วนตัวเท่านั้นถึงจะขับเคลื่อนตลาดไปได้ แต่นักลงทุนที่มีลักษณะ “เชิงตั้งรับ” น่าจะลดปริมาณซื้อขายลงอย่างมีนัยสำคัญ

บรรยากาศที่นักลงทุนชอบความเสี่ยงสูงมีบทบาทในตลาดอย่างนี้ ถือว่าเป็นบรรยากาศที่เหมาะกับการลงทุนสไตล์ ดอน กิโฆเต้ อย่างยิ่ง

ดอน กิโฆเต้ เป็นตัวละครสมมติในฐานะอัศวินรุ่นสุดท้ายของยุโรป ที่จะประคองสาระสำคัญของจิตวิญญาณห้าวหาญ

เซรบานเตส อุปโลกน์ให้ ดอน กิโฆเต้ ที่ “เป็นบ้าเพราะอ่านหนังสือมากเกิน” ในฐานะสุภาพบุรุษวัยกลางคนจากลามันช่า ในภาคกลางของสเปน หมกมุ่นอยู่กับความกล้าหาญในอุดมคติของหนังสือที่เขาอ่าน เขาตัดสินใจที่จะหยิบดาบและหอกเพื่อปกป้องคนกำพร้าและทำลายคนชั่วร้าย หลังจากการผจญภัยครั้งแรกล้มเหลว เขาออกเดินทางอีกหลายครั้ง โดยมีผู้ช่วยคนสำคัญชื่อ ซานโช ปานซ่า ซึ่งเขาได้ชักชวนให้ไปกับเขาในฐานะตุลาการที่ซื่อสัตย์ โดยมีข้อสัญญาตอบแทนว่าจะให้เขาเป็นผู้ว่าการเกาะมหาเศรษฐี

บนเส้นทางค้นหารัศมีภาพและการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ เขามอบอาหาร ที่พักพิง และการปลอบโยนทั้งหมด ในนามของหญิงชาวนา ดัลซีเนีย โสเภณีซึ่งเขาวาดภาพเหมือนเจ้าหญิง

จินตนาการหลุดโลกของดอน กิโฆเต้ มีคนพยายามที่จะแก้ไขจินตนาการ และลากเขากลับบ้าน

ในตอนจบ ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรม เซรบานเตส เล่าเรื่องราวของดอนกิโฆเต้ และมีส่วนร่วมในนิยายของเขา แม้ยอมให้ซานโชและดอน กิโฆเต้ แก้ไขประวัติศาสตร์ของตนเอง และแสดงความคิดเห็นในเชิงลบต่อประวัติศาสตร์เท็จที่ตีพิมพ์ในชื่อของพวกเขา

ในท้ายที่สุด ดอน กิโฆเต้ ที่ถูกทุบตีและทารุณ ได้ปกปิดความจริงทั้งหมดที่เขาตามมาอย่างดุเดือด และตายจากไป เมื่อความตายของเขากลายเป็นจุดจบของยุคอัศวินอย่างเป็นทางการ

จุดจบของการลงทุนแบบ ดอน กิโฆเต้ จะเป็นแบบไหน ต้องรอพิสูจน์