พาราสาวะถี

อรชุน

หากอ่านสัญญาณจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่าปม 150 วันให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือกรธ.เป็นผู้ชี้ขาดว่ารวมประกาศผลเลือกตั้งด้วยหรือไม่ ถ้าเช่นนั้นคำตอบจาก ชาติชาย ณ เชียงใหม่ คำยืนยันจาก อุดม รัฐอมฤต สองอดีตกรธ.ก็น่าจะชัดเจนว่าระยะเวลา 60 วันที่กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้ได้ร้อยละ 95 นั้นไม่รวม 150 วันในการจัดเลือกตั้ง

สิ่งที่ต้องวิเคราะห์กันต่อมาคือ การส่งซิกเช่นนี้ของผู้นำเผด็จการ หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องให้มีใครไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความแล้วใช่ไหม หรือถ้าไปยื่นแต่กรธ.ในฐานะคนเขียนรัฐธรรมนูญชี้เจตนารมณ์ไว้อย่างนี้แล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถมีความเห็นเป็นอย่างอื่นเลยใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นกกต.ก็น่าจะสบายใจได้

อย่างที่บอกมาตลอด เรื่องการเลื่อนวันเลือกตั้งนั้นเอาเข้าจริงปัญหาไม่ได้อยู่ที่กกต. แต่ทั้งหมดมันอยู่ที่ผู้มีอำนาจว่าพอใจที่จะให้จัดการเลือกตั้งเมื่อใดมากกว่า ยิ่งถ้าอ่านเกมจากการออกมาให้สัมภาษณ์ของ วิษณุ เครืองาม ก็เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งนั้นขยับไปจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้อย่างแน่นอน และจะต้องเลือกตั้งไม่เร็วไปกว่าวันที่ 24 มีนาคม

ถ้าจำกันได้ก่อนหน้านั้นวิษณุระบุหลังเข้าหารือกับกกต.ว่า เงื่อนเวลาที่จะจัดเลือกตั้งเพื่อไม่ให้กระทบกับพระราชพิธีที่สำคัญของคนไทยคือ ไม่ควรจะเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และถ้าจะจัดเลือกตั้งในวันที่ 3 หรือ 10 มีนาคม ก็ยังเป็นห้วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับพระราชพิธีอยู่ ดังนั้นถ้าจะให้ไม่เกิดปัญหาคือต้องวันที่ 17 มีนาคมไปแล้ว

แต่บทสัมภาษณ์ล่าสุดของวิษณุเหมือนเป็นการตอกย้ำว่า อย่างไรเสียการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมไปแล้วเท่านั้น เมื่อมีการยืนยันถึงการสอบ GAT-PAT ของนักเรียนชั้นม.ปลายว่าสามารถขยับไปเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ได้ ก็หมายความว่าการเลือกตั้งไม่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวนี้แน่ และก็บอกอีกว่าจะมีเด็กอีกกว่าแสนคนที่ต้องสอบ TCAS 9 วิชาในวันที่ 16-17 มีนาคม ซึ่งเป็นข้อมูลที่จะต้องแจ้งให้กกต.ทราบด้วย

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยที่ว่ามาทั้งหมด ถามว่าแล้วกกต.จะเหลือทางเลือกใดที่จะจัดการเลือกตั้งให้เร็วกว่า 24 มีนาคมอีกหรือไม่ ดังนั้น ข่าวที่ออกมาว่าการเลือกตั้งอาจจะถูกเลื่อนไปถึงเดือนเมษายนนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลจากความเป็นจริงมากนักสักเท่าใด เพราะแม้กกต.จะเพลย์เซฟหนีปม 150 วันก็ยังสามารถจัดและประกาศผลเลือกตั้งได้ทันในกรอบ 150 วัน

หากมั่นใจสุด ๆ ว่า ระยะเวลา 60 วันแยกจาก 150 วันชัดเจน จะไปจัดเอาสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนก็ยังได้ แต่ห้วงเวลาดังกล่าวน่าจะไม่เหมาะสำหรับการจัดการเลือกตั้ง เพราะคนไทยทุกคนจะเข้าสู่วาระของการเตรียมการร่วมเฉลิมฉลองพระราชพิธีที่สำคัญของคนไทย แต่ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม มาถึงนาทีนี้ทั้งรัฐบาล คสช.และกกต.คงต้องคุยกันให้สะเด็ดน้ำและเคาะกันได้แล้วว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด

ด้วยเหตุผลอันสำคัญคือ ความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วจะไม่ได้แย่ลงไปอีกเพราะความไม่แน่นอนจากปัจจัยการเลือกตั้ง ส่วนเหตุผลทางการเมืองที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่พร้อมหรือคะแนนนิยมของพรรคเตรียมการสืบทอดอำนาจทรุดฮวบ ๆ นั้น งานนี้หน่วยงานที่จะตอบได้คงหนีไม่พ้นกอ.รมน. ที่กำผลสำรวจความเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ว่าบทสรุปออกมาอย่างไร

การสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้สมัครของพรรคสืบทอดอำนาจถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหารพรรค โดยเฉพาะกับแกนนำที่เป็นนักการเมืองอาชีพ แต่ความเป็นจริงกระแสตอบรับสอดคล้องต้องกันกับสิ่งที่พูดหรือไม่ ใครที่สัมผัสในพื้นที่ต่างรู้ดี หากเข้าใจความหมายของคำว่าเสียงดีแต่ไม่มีคะแนน ก็จะเข้าใจเหตุผลสำคัญว่าทำไมเลือกตั้งที่ไปประกาศกับชาวโลกไว้เป็นมั่นเหมาะ ผู้นำเผด็จการถึงต้องยอมเป็นโมฆบุรุษอีกกระทอก

อีกภาพหนึ่งที่ฉายให้เห็นถึงความกลัวฝ่ายตรงข้ามคงเป็นกรณีการปฏิเสธให้พรรคเพื่อไทยตั้งเวทีปราศรัยในพื้นที่สนามกีฬาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยาเมื่อวานที่ผ่านมา เป็นการบอกเลิกแบบกะทันหัน ก่อนการเดินทางมาถึงของแกนนำพรรคนายใหญ่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่มีการอนุญาตกันไว้ล่วงหน้ามานานหลายสัปดาห์

ข้ออ้างที่ว่าเกรงจะไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมืองอื่น อธิบายอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น ดังที่ จาตุรนต์ ฉายแสง ระบุการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมาถือเป็นประเพณีที่ทุกพรรคสามารถปฏิบัติได้ และส่วนราชการควรจะต้องให้การสนับสนุน โดยหากพรรคการเมืองใดขอใช้สถานที่ในการปราศรัยจะต้องให้กระทำการนั้นได้ และทุกพรรคมีสิทธิที่จะขอใช้ได้เหมือนกัน

เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จึงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง และพฤติกรรมเช่นนี้คงไม่ใช่การตัดสินใจของอบจ.พะเยาเพียงฝ่ายเดียว น่าจะมีการหนุนหลังจากพรรคการเมืองอื่นและเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจ เพราะเป็นที่ปรากฏมาเป็นระยะว่า ในพื้นที่ภาคเหนือมีการใช้อิทธิพลข่มขู่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยถึงขั้นเอาชีวิต

ขณะที่ ปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฟันธงฉับ การกระทำในลักษณะนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวพันในทางการเมือง ซึ่งอาจเป็นนักการเมืองและนักการเมืองในที่นี้อาจเป็นรัฐบาลหรือไม่ เพราะระดับอธิบดีหรือระดับปลัดกระทรวงจะไม่พูดเรื่องการเมือง เรื่องนี้แม้ผู้มีอำนาจจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องใด ๆ แต่หากต้องการให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นดำเนินไปด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม ก็ควรต้องสั่งการเพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์ว่าไม่ควรให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก

หากเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ถ้าทำครั้งนี้ได้ต่อไปก็ทำได้เรื่อย ๆ แล้วเช่นนี้คำพูดที่โพนทะนากันปาว ๆ ต้องการให้บ้านเมืองสงบ เดินไปสู่เส้นทางของความสมัครสมานสามัคคีกันให้ได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ความจริงก็น่าจะเป็นไปอย่างที่ผู้นำเผด็จการว่า ถ้าคิดจะอยู่นานไม่ต้องจัดเลือกตั้งเลยก็ได้ เป็นแบบนั้นเสียก็น่าจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องให้ใครมาดูแคลนว่าประเทศไทยมีการเลือกตั้งแบบจอมปลอมเพื่อฟอกขาวให้เผด็จการกลับมาถือครองอำนาจต่อเท่านั้น