PLANB กินรวบป้ายหาเสียง จ่อโกยกำไรไตรมาสแรกกระหึ่มรับเลือกตั้ง 2562

สืบเนื่องจากกรณีที่ในปี 2562 ประเทศไทยจะมีการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นภายในไตรมาส 1 ของปี 2562 ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ว่า ระเบียบของกกต.ที่ออกมาล่าสุดเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จะมีงบประมาณหาเสียงได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท/คน และพรรคการเมืองจะมีงบหาเสียงได้ไม่เกิน 35 ล้านบาท/พรรค

โดยสิ่งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สามารถดำเนินการได้เองภายในงบ 1.5 ล้านบาท ได้แก่ 1.ป้ายหาเสียงขนาด 1.3 เมตรหรือ 2.45 เมตร บิลบอร์ด แต่ละเขตทำได้ไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้ง โดยแต่ละเขตเลือกตั้งจะมีหน่วยเลือกตั้งประมาณ 270 หน่วย ส่วนสถานที่ติดประกาศ กกต.กำหนดในย่านเดียวกัน เพื่อให้มีระเบียบ ไม่ให้เกะกะหรือปิดบังจราจร จำนวนป้ายก็ต้องถูกต้องตามกำหนด

 

ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการและผลิตสื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย โดยคาดว่าบริษัทฯจะได้รับอานิสงส์จากหาเสียงจากการเลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามา ส่งผลให้มีการโฆษณาหาเสียงจำนวนมาก ซึ่งพรรคการเมืองต่างๆ จะเริ่มใช้บริการสื่อนอกบ้านมากขึ้น

ขณะที่จากการตรวจสอบพื้นที่ในกรุงเทพมหานครฯ พบว่า บริเวณเขตหลักๆของกรุงเทพฯเริ่มมีการขึ้นป้ายโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง โดยพบว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นการใช้บริการป้ายโฆษณาบิลบอร์ดของ PLANB ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2562 ของบริษัทฯเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากเม็ดเงินโฆษณาที่สูงขึ้น

 

 

โดย บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดการณ์ผลประกอบการของ PLANB ปี 2561และ ไตรมาส 1/2561 ยังเติบโตต่อเนื่องทั้งจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อนมากกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้านในช่วง 9 เดือนปีที่ผ่านมาที่เติบโต 6% จากปีก่อนจากการทยอยรับรู้รายได้จากการลงทุนสื่อนอกบ้านเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาและจากการขยายสื่อคอนเทนท์ใหม่ และการออกแบบพัฒนาปรับปรุงสื่อที่มีอยู่ในมือเพิ่มขึ้น

สำหรับข่าวการควบคุมจัดระเบียบป้ายโฆษณาในประเทศยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนซึ่งคาดจะส่งผลกระทบไม่มาก ขณะที่มองว่ากำไรสุทธิ 2 ปีนี้เติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี (CAGR 2562-2563) ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 62 อยู่ที่ 7.60 บาท