พาราสาวะถี
ทุกอย่างหากจะอ้างว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่มีเบื้องหลัง กรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ฝ่ายรัฐกล่าวหาว่าเป็นพวกรับงานและมีเพียงแค่หยิบมือ เช่นนั้นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าสามัคคีก่อนเลือกตั้งที่นัดชุมนุมวันเดียวกันกับกลุ่มอยากเลือกตั้ง ก็น่าจะมีเบื้องหลังและคงไม่ต้องบอกว่าใคร หน้าไหน เช่นเดียวกับกลุ่มสภานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เครือข่ายนักศึกษารามคำแหงพิทักษ์สถาบันและประชาชน ยิ่งเด่นชัดว่าจัดตั้งกันมาและรับงานจากใคร
อรชุน
ทุกอย่างหากจะอ้างว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่มีเบื้องหลัง กรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ฝ่ายรัฐกล่าวหาว่าเป็นพวกรับงานและมีเพียงแค่หยิบมือ เช่นนั้นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าสามัคคีก่อนเลือกตั้งที่นัดชุมนุมวันเดียวกันกับกลุ่มอยากเลือกตั้ง ก็น่าจะมีเบื้องหลังและคงไม่ต้องบอกว่าใคร หน้าไหน เช่นเดียวกับกลุ่มสภานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เครือข่ายนักศึกษารามคำแหงพิทักษ์สถาบันและประชาชน ยิ่งเด่นชัดว่าจัดตั้งกันมาและรับงานจากใคร
ต้องไม่ลืมเหตุการณ์ในอดีตกับปฏิบัติการกระทิงแดง ที่เป็นความสามานย์ของการจัดตั้งม็อบชนม็อบจากพวกคนมีสีหรืออาจจะเรียกว่าทรราชก็ว่าได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังกันเท่านั้น หากแต่ยังบานปลายไปถึงการฆ่าฟันอย่างโหดเหี้ยมกลางท้องสนามหลวง ที่มีภาพประวัติศาสตร์อันขมขื่นประจานไปทั่วโลก
หนนี้อาจจะต่างออกไปด้วยความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ทันสมัยไม่อาจสร้างข่าวลือ ปล่อยข่าวลวงและใช้สงครามโฆษณาชวนเชื่อได้เหมือนแต่ก่อน แต่วิธีการของเผด็จการก็ยังไม่เปลี่ยน นี่แหละที่เป็นเครื่องหมายยืนยันพฤติกรรมของพวกปากว่าตาขยิบเป็นอย่างดี พูดเป็นวรรคเป็นเวรขจัดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง แต่ก็ยังปลุกให้คนเห็นต่างลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากัน เพราะกลัวคนแค่หยิบมือที่ตัวเองปรามาส จะมาสั่นคลอนเก้าอี้แห่งอำนาจ
อีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความป่าเถื่อนของใครก็ตามที่ต้องการจะสอพลอนายก็คือ การใช้กำลังรุมทำร้ายนักกิจกรรมทางการเมืองที่ชื่อว่า เอกชัย หงส์กังวาน หนล่าสุดหลังเสร็จสิ้นการชุมนุมเมื่อวันเสาร์บริเวณแยกคอกวัว เจ้าตัวก็ถูกรุมทำร้ายอีก จนต้องไปแจ้งความที่สน.ชนะสงคราม แต่ที่น่าสมเพชคือคนที่ลงมือสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า กล้าที่จะทำแต่ไม่กล้าเปิดเผยตัว สมกับเป็นพวกอีแอบ หน้าตัวเมียโดยแท้
ความจริงเรื่องของการเลือกตั้ง ในเมื่อทุกอย่างจะเดินตามโรดแมปที่เลื่อน(อีก)แล้วคือ 24 มีนาคม ซึ่งหมายความว่า พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งส.ส.จะต้องคลอดภายในสัปดาห์นี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปปลุกม็อบมาชนคนที่เรียกร้องให้เลือกตั้ง เพราะกลุ่มคนดังว่าก็ชุมนุมกันโดยสงบมาตลอด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ประกาศว่า ถ้ามีการประกาศพระราชกฤษฎีกาภายในวันที่ 24 มกราคมนี้ ก็จะไม่นัดชุมนุมกันอีก
นี่คือจุดยืนคือสิ่งที่คนกลุ่มหนึ่งซึ่งอยากไปใช้สิทธิของตัวเองเรียกร้อง หากมองว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังก็ไปตามสืบเพื่อดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมายได้ ไม่ใช่ใช้วิชามารไปเสี้ยมหรือว่าจ้างให้คนบางพวก บางกลุ่ม ออกมาเผชิญหน้า ทั้ง ๆ ที่โจทย์ที่ตัวเองเป็นคนตั้งหลังยึดอำนาจและน่าจะรับโจทย์สำคัญในการทำให้บ้านเมืองปลอดความขัดแย้ง แต่ด้วยความหวงและเหลิงในอำนาจจึงทำให้มืดบอดกันไปหมดหรืออย่างไร
ในส่วนของพวกไม่อยากเลือกตั้งจะเรียกตัวเองว่าศรีทนได้หรืออย่างไรก็ตามแต่ คำถามจาก “บก.ลายจุด”สมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นเรื่องที่ชวนให้คิดและให้คนพวกนี้ได้หันกลับมาใช้สมองแทนอารมณ์ไตร่ตรองดู บทเพลงคืนความสุขหลังรัฐประหารใหม่ ๆ สร้างวาทกรรมว่าขอเวลาอีกไม่นาน วันเวลาที่ผ่านมาเกือบจะ 5 ปีนานเกินกว่ารัฐบาลปกติอยู่ครบวาระเสียอีก มิหนำซ้ำ เพลงดังว่ายังถูกเสกให้หายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว เพราะเราทำตามสัญญาไม่ได้
ส่วนการอ้างเรื่องความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง คำถามตัวโตคือความสงบที่เป็นอยู่เวลานี้เพราะใช้กฎหมายปกติ ไม่มีมาตรายาวิเศษใด ๆ อันเป็นอำนาจของเผด็จการใช่หรือไม่ ทุกอย่างมันฟ้องตัวเองอยู่แล้ว ถูกแล้วที่บก.ลายจุด จะบอกให้คนที่จ้องจะเล่นงานกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ลองขึ้นเวทีไปดีเบตกันซักตั้งกับ “จ่านิว”สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือไม่ก็ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประชาชนจะได้รู้ว่าใครมีเหตุมีผล พวกไหนที่รับงานใครมากันแน่
สมกับเป็นเด็กนรกตามที่ผู้มีอำนาจพาดพิงและไม่ชอบขี้หน้าเป็นอย่างยิ่ง สำหรับ “เพนกวิน”พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่อดีตสมัยใส่ขาสั้นหัวเกรียน เคยไปยกป้ายถามท่านผู้นำจนถูกหิ้วปีกมาแล้ว วันนี้เติบใหญ่เป็นนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บนเวทีชุมนุมเมื่อวันเสาร์มีคำปราศรัยที่เหน็บแหนมใครบางคน “ร่างกายยืมหมู ปากยืมหมา นาฬิกายืมเพื่อน เงินเดือนยืมประชาชน” เล่นพูดซะเห็นภาพเลยนะไอ้หนู!
คงต้องรีบออกมาปฏิเสธเพราะช่วงนี้น่าจะมีกระแสข่าวในลักษณะพาดพิงไปถึงสองศรีพี่น้อง ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จัดทัพวางตัวบุคคลในพรรคเพื่อไทยและอาจจะรวมไปถึงไทยรักษาชาติด้วยเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง จนกระทั่งเกิดข่าวว่าอดีตนายกฯหญิงสนับสนุนและเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยเรียบร้อย
ร้อนถึงเจ้าตัวต้องออกมาบอกปัด โดยย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นเรื่องกิจการของพรรคที่ต้องไปคัดสรรผู้เหมาะสมกันเอง พร้อมโชว์ให้เห็นว่าแม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแต่ก็ไม่ได้อยู่เฉยด้วยการระบุว่ามีงานอื่นที่ต้องทำและรับผิดชอบเป็นจำนวนมาก ก่อนจะเรียกคะแนนสงสารตามสูตรว่าสิ่งที่ได้รับในอดีตที่ผ่านมาก็ถูกกระทำเจ็บช้ำมากพอแล้ว
งานนี้คงเกิดกระแสทั้งเห็นใจและหมั่นไส้ไปในตัว แต่เรื่องการครอบงำพรรคการเมืองนั้น กรณีของทักษิณกับเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ ทั้งสื่อที่นำเสนอข่าวและพรรคที่ถูกพาดพิงกำลังถูกกกต.ดำเนินการสอบสวนอยู่ มีการไปสอบปากคำกันถึงที่ น่าติดตามอยู่ไม่น้อยหากมีการเอาผิดจริงคงเป็นสิ่งที่ตลกในโลก กับข่าวที่อ้างคุณแหล่งข่าว รายงานข่าว แล้วองค์กรอิสระของไทยนำมาใช้เป็นหลักฐานนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองบางพรรคได้