TSE เก็งกำไรคึก! 3 วันพุ่ง 42% โบรกฯชี้ธุรกิจได้ประโยชน์กพช.ไฟเขียวแผน PDP ฉบับใหม่
TSE เก็งกำไรคึก! 3 วันพุ่ง 42% โบรกฯชี้ธุรกิจได้ประโยชน์กพช.ไฟเขียวแผน PDP ฉบับใหม่ โดย ณ เวลา 15.42 น. อยู่ที่ระดับ 2.32 บาท บวก 0.48 บาท หรือ 26.09% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 140.89 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ณ เวลา 15.42 น. อยู่ที่ระดับ 2.32 บาท บวก 0.48 บาท หรือ 26.09% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 140.89 ล้านบาท ราคาหุ้นวิ่งแรง 3 วันติดโดยนับตั้งแต่หุ้นปรับตัวขึ้นจากระดับ 1.63 บาท เมื่อวันที่ 22 ม.ค.62 จนถึงล่าสุดหุ้นวิ่งแล้ว 42.33%
อนึ่ง TSE กลุ่มบริษัท ประกอบธุรกิจผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยสามารถแบ่งออกไดเ้ป็น 3 ประเภท คือ ธุรกิจ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ในระบบรางรวมแสง (Solar Thermal) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยระบบโฟโต ้โวลตาอิกหรือโซลาร์เซลล์ (Solar PV) และธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass Power Plants)
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วานนี้ (24 ม.ค.) คณะกรรมการนโยบายแห่งชาติหรือ กพช. พิจารณาเห็นชอบ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (2561 – 2580) หรือ PDP 2561 โดยได้ประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าในระยะ 20 ปีข้างหน้า การเติบโตใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 3.8% ต่อปี โดยกำลังการผลิตไฟฟ้าสิ้นปี 2560 เท่ากับ 46,000 MW ประกอบกับ มีโรงไฟฟ้าเดิมที่หมดอายุ -25,310 MW และรวมกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าใหม่ +56,431 MW (โรงไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกมีขนาด 20,766 MW หรือเท่ากับ 37% ของกำลังการผลิตใหม่ทั้งหมด) ดังนั้นปี 2580 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 77,211 MW
ทั้งนี้พลังงานทดแทนยังเป็นสัดส่วนสำคัญของแผน PDP 2561 ฉบับใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 7 ประเภทพลังงานหลักของสัญญาขายไฟใหม่รวม 18,696 MW ในช่วง 18 ปีข้างหน้า
โดยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา +10,000 MW – เน้นเป็นการผลิตเพื่อใช้เอง (Prosumer) และหากปริมาณไฟฟ้าเหลือใช้สามารถขายกลับให้กับการไฟฟ้าได้ ในราคา 1.68 บาทต่อหน่วย บวกต่อ GUNKUL PSTC SPCG BCPG BGRIM
ส่วนพลังงานชีวมวล +3,496 MW – แบ่งเป็นพลังงานชีวมวลประชารัฐ 120 MW และชีวมวลปกติ 3,376 MW (เน้นผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมมาต่อยอด) บวกต่อ TPCH SUPER TSE ECF
ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ลอยน้ำ และพลังงานน้ำ 2,725 MW – ภาคเอกชนอยู่ในช่วงทดลอง Floating Solar บนเขื่อนหรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่ บวกต่อ CKP SPCG BCPG
ขณะที่พลังงานลม +1,485 MW – เปิดประมูลใหม่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพผลิต บวกต่อ EA GUNKUL
ส่วนพลังงานชีวภาพ +546 MW – กลุ่มโรงงานน้ำ ตาลและโรงเหล้า บวกต่อ TWPC BRR KSL KTIS PSTC 7UP
ด้านพลังงานขยะชุมชน +400 MW – เปิดสัญญาขายไฟเพิ่มให้ครอบคลุมหลายจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อกำจัดขยะให้ถูกวิธีตามวาระแห่งชาติ บวกต่อ TPIPP TPCH
ขณะเดียวกันพลังงานขยะอุตสาหกรรม +44 MW – เพิ่มโควต้าสัญญาขายไฟใหม่อีก +44 MW จากเดิมเคยเปิดแล้ว 50 MW แต่เปิดประมูลไม่หมด ยังคงค้างโควต้าอีก 19 MW ดังนั้นจึงคงเหลือรวมสัญญาขายไฟทั้งหมด 63 MW บวกต่อ BWG
ทั้งนี้ บล.โนมูระ พัฒนสิน คงคำแนะนำกลุ่มพลังงานทดแทน Neutral และเลือกเป็น Selective Play ของกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้ประโยชน์มากสุดจากแผน PDP ฉบับใหม่ 1.) พลังงาน Solar Rooftop แบบเน้นผลิตเพื่อใช้เอง (Private PPA) และหากเหลือจะสามารถขายเข้า Grid ของการไฟฟ้าได้ที่ราคา 1.68 บาท เลือก GUNKUL แนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย 4.50 บาทต่อหุ้น และมองว่า เด่นสุด จากบุกทั้งกลุ่มครัวเรือนเอกชนรายใหญ่ ปัจจุบันกำลังติดตั้งให้กลุ่ม CP 40 MW
ส่วน 2.) พลังงานขยะอุตสาหกรรม หลังเพิ่มโควต้าใหม่อีก +44 MW รวมปริมาณคงค้างเดิมอีก +19 MW รวมทั้งหมด 63 MW คาดจะเปิดประมูลอีกครั้งในช่วงครึ่งปีแรกปี 2563 ประเมินจากรอบก่อน BWG แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 2.04 บาท โดยได้สัญญาขายไฟมาทั้งหมด 15 MW (Market share 48%) จึงคาดว่ารอบนี้จะเข้าร่วมประมูลและตั้งเป้า 20-30 MW (ส่วนแบ่ง 30-50%) เพิ่มเติมจากทั้งหมด 63 MW