BIZ โชว์แบ็กล็อก 1.4 พันลบ. มั่นใจรายได้ปี 62 โตตามเป้า 15%

BIZ โชว์แบ็กล็อก 1.4 พันลบ. มั่นใจรายได้ปี 62 โตตามเป้า 15% พร้อมลุ้นประมูลงานใหม่ มูลค่า 500 ลบ. รู้ผลไตรมาส 2/62


นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปี 62 มีรายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน หลังปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 63 โดยล่าสุดบริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายเครื่องเร่งอนุภาค Photon Linear Accelerator และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ กับกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข มูลค่าสัญญา 133.35 ล้านบาท

อีกทั้งในช่วงต้นเดือนม.ค.62 บริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายครุภัณฑ์ทางการแพทย์เครื่องฉายรังสีรักษาพลังงานสูงกับมูลนิธิโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี มูลค่าสัญญา 110 ล้านบาท ซึ่งส่งผลทำให้งานในมือปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่ เพื่อขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวน 4-5 โรงพยาบาล มูลค่า 400-500 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลภายในช่วงไตรมาส 2/62 โดยเบื้องต้นคาดหวังได้รับงานประมาณ 50%

“ปีนี้เราตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อนที่คาดว่ารายได้น่าจะเติบโตกว่าปี 60 ที่ทำได้ 623.43 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้งานในมือ และการเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทยังคงมองหาโอกาสขยายธุรกิจไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน หรืออยู่ในเรื่องของสุขภาพ เพื่อเข้ามาต่อยอดธุรกิจ” นายสมพงษ์ กล่าว

สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ BIZGenes ซึ่งเป็นการตรวจพันธุกรรม เพื่อคัดกรองความเสี่ยงโรคมะเร็ง ที่ได้เปิดตัวบริการเมื่อช่วงปลายปี 61 นั้น บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าบริการดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่ง BIZGenes เป็นโซลูชั่นหนึ่งที่จะเข้าถึงการตรวจในระดับ DNA ด้วยนวัตกรรมนี้จะทำให้รู้ว่าบุคคลนั้นมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในอนาคตแค่ไหน โดยอาศัยเทคนิค Next Generation Sequencing (NGS) ที่มีความถูกต้องและแม่นยำสูง โดยตั้งเป้าปีนี้ BIZGenes จะมีรายได้ประมาณ 5% ของรายได้รวม

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างโรงพยาบาลแคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี มูลค่าการลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 65% และกลุ่มแพทย์เฉพาะทางจะถือหุ้นในสัดส่วน 35% ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 62 และน่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปี 63 เป็นต้นไป ซึ่งคาดหวังจะมีสัดส่วนรายได้ในปีแรกประมาณ 5-10% ของรายได้รวม

โดยโรงพยาบาลดังกล่าวมีรูปแบบการรักษา แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ การรักษาโดยการฉายรังสี (Radiotherapy) และการรักษาด้วยเคมีบำบัด (chemotherapy) ซึ่งมุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพการรักษาให้ได้มาตรฐาน ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งที่มีคุณภาพรวมถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวิธีการรักษาที่ได้มาตรฐานสากล

Back to top button