พาราสาวะถี
วันนี้มีพิธีพระราชทานเพลิงสรีระร่างสังขารพระเทพวิทยาคมหรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ที่พุทธมณฑลอีสาน จังหวัดขอนแก่น แน่นอนว่าศิษยานุศิษย์เรือนแสนต้องแห่แหนไปไว้อาลัยอย่างเนืองแน่น เป็นธรรมดาของพระเกจิดังผู้สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อสังคม แม้แต่หลังการมรณภาพก็ยังบริจาคร่างกายให้เป็นประโยชน์ในการศึกษา
อรชุน
วันนี้มีพิธีพระราชทานเพลิงสรีระร่างสังขารพระเทพวิทยาคมหรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ที่พุทธมณฑลอีสาน จังหวัดขอนแก่น แน่นอนว่าศิษยานุศิษย์เรือนแสนต้องแห่แหนไปไว้อาลัยอย่างเนืองแน่น เป็นธรรมดาของพระเกจิดังผู้สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อสังคม แม้แต่หลังการมรณภาพก็ยังบริจาคร่างกายให้เป็นประโยชน์ในการศึกษา
อย่างไรก็ตาม พินัยกรรมของหลวงพ่อที่สั่งเสียให้จัดอย่างเรียบง่าย หลายคนเห็นตัวเลขที่จัดงานนี้โดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว อาจมีขัดเคืองบ้างที่ผู้จัดงานไม่ทำตามความประสงค์ของหลวงพ่อ แต่ทุกคนเข้าใจดีด้วยบารมีอันยิ่งใหญ่ไพศาลจากคุณความดีที่หลวงพ่อสร้าง งานจึงต้องให้สมกับบารมีที่ท่านได้ทำมา งานนี้คนจัดงานต้องยอมถูกด่า เหรียญมีสองด้านเสมอ
แต่สิ่งที่อยากให้คนไทยจดจำและนำไปปฏิบัติคือ คำสอนของหลวงพ่อคูณที่เน้นย้ำถึงการเป็นผู้ให้ ตามที่ในโลกโซเชียลมีเดียและสื่อกระแสหลักต่างพากันนำเสนอ บัญชีบริจาคของหลวงพ่อที่ทำมาตั้งแต่ปี 2513 จนถึงวาระสุดท้าย เป็นเงินมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท เป็นเงินจากศรัทธาแรงกล้าของประชาชน ที่ไม่ได้พึ่งพางบประมาณแผ่นดินแม้แต่สตางค์แดงเดียว
เป็นแบบอย่างของการพัฒนาทั้งด้านการรักษาพยาบาล ทั้งการให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียนผู้ด้อยโอกาส นักการเมืองหลายรายที่เข้าไปเกาะชายผ้าเหลืองด้วยหวังพึ่งบารมีให้อยู่ในอำนาจ หวังมีตำแหน่งแห่งหน แต่กลับไม่สนใจในธรรมคำสอน ถ้าพวกโกงบ้านกินเมืองมีสำนึกได้แค่เศษเสี้ยวของหลวงพ่อคูณ ไม่อยากนึกภาพว่าบ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้าขนาดไหน
วกกลับเข้าสู่ข่าวสารบ้านเมือง หนีไม่พ้นเรื่องเลือกตั้ง ทุกพรรคการเมืองพากันขายฝันผุดสารพัดโปรเจกต์ เน้นกันไปที่คนยากคนจน เพราะถือเป็นคนฐานรากและฐานเสียงหลักในการจะชี้วัดให้พรรคใดกุมชัยชนะหลังการหย่อนบัตร แต่คำถามตัวโตไม่ว่าจะประชานิยม ประชารัฐหรือรัฐสวัสดิการ เน้นแจกเน้นให้เพื่อพอประทัง มีใครไหมที่คิดจะสร้างจะทำไม่ใช่แค่หายจน แต่ต้องมีฐานะดีขึ้นด้วย
ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ทำมาขายฝันบอกจะให้คนไทยหลุดกับดักรายได้ปานกลาง ลำพังเงินแจก 500 บาทครั้งเดียว และเงินใช้จ่ายต่อเดือนและไม่กี่ร้อยบาทผ่านบัตรคนจน ยังมองไม่เห็นหนทางที่คนจนตามข้อมูลของรัฐบาลเผด็จการคือ 14.5 ล้านคนและอาจจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงเลือกตั้ง (ที่มีการแจกบัตรเพิ่มเติมตามเงื่อนไขของผู้สมัครบางพรรค) จะก้าวพ้นความยากจนได้อย่างไร
กระนั้นก็ตาม เชื่อกันว่าก่อนที่จะไปพิสูจน์ความสามารถในการขับเคลื่อนนโยบายหลังการเลือกตั้ง ระหว่างนี้จะมีเม็ดเงินสะพัดในสนามเลือกตั้งมหาศาล อันเป็นปกติเห็นได้จากผลสำรวจความเห็นของประชาชนล่าสุดที่เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าเลือกตั้งหนนี้จะมีการซื้อเสียงแน่นอน ภาพสะท้อนนี้จะหมดไปด้วยการเอาจริงเอาจังและจัดการอย่างเข้มข้นขององค์กรอิสระอย่างกกต.
โดยที่ไม่รู้ว่าจะฝากความหวังไว้ได้หรือไม่ เพราะก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งจนถึงวันนี้ ก็มีข้อมูลส่วนหนึ่งที่นักการเมืองและพรรคการเมืองได้ร้องเรียนไปยังกกต. แต่ยังไม่เห็นการทำงานเชิงรุกหรือการขยับเพื่อทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่า จากนี้ไปใครที่คิดไม่ซื่อหรือเล่นสกปรกจะต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด
คงต้องให้เวลา 7 เสือกกต.ปรับตัวกันอีกนิด หากทิศทางเป็นไปอย่างที่ อิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.ว่าไว้ กกต.จะทำงานกันอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส สุจริต เที่ยงธรรม น่าจะพอฝากผีฝากไข้ได้บ้าง ระยะเวลานับจากนี้ไปอีก 50 กว่าวันจะเป็นบทพิสูจน์ว่าองค์กรอิสระแห่งนี้จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาหรือย่ำแย่กว่าเดิม
เข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้วนักการเมืองทั้งหลายต้องเลิกเกรงใจฝ่ายเผด็จการหรือความจริงก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่แค่กลัวว่าจะถูกกฎหมายพิเศษเล่นงานเท่านั้นเอง เห็นเด่นชัดมากขึ้นคงเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ที่นำเสนอพลัง 5 ด้านที่จะทำบนเวทีสัมมนาสมาชิกพรรคเมื่อวันวาน
การพูดในมิติเรื่องเพิ่มพลังการท่องเที่ยว ที่เรียกเสียงฮือฮาได้คือ จะไม่ทำแบบเรือล่มลำเดียวการท่องเที่ยวเจ๊งทั้งประเทศ นี่มันแขวะใครบางคนแบบเต็ม ๆ ซึ่งคนดังว่าก็กำลังงอนสื่อและทำตัวเป็นเตมีย์ใบ้ไม่พูดไม่จามาร่วมเดือนแล้ว ขนาดไปร่วมงานเลี้ยงปีใหม่ย้อนหลังของกระทรวงกลาโหมที่จัดขึ้นทุกปี ปกติจะคึกคัก หยอกล้อเป็นกันเองและพูดบนเวทีให้เป็นประเด็น แต่หนนี้พูดขอบคุณแค่ 20 วินาทีพร้อมแจกยิ้มแล้วก็เดินทางกลับทันที
ไม่น่าเชื่อว่าปมของอาหารอร่อยจากเหตุกลุ่มก่อการร้ายบุกถล่มโรงแรมในเครือดุสิตธานีที่ประเทศเคนยา จะทำให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ งอนมาได้ถึงทุกวันนี้ แต่อีกมุมนี่คงเป็นการรักษารูปมวยในโหมดเลือกตั้ง เพราะการพูดมากไม่มีใครการันตีได้ว่าจะหลุดอะไรออกมา จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาได้หรือไม่ คนที่จุดเดือดต่ำ การสงบปากสงบคำอาจจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในช่วงสถานการณ์เข้าด้ายเข้าเข็ม
หลายคนสนใจต่อการพูดของเจ๊หน่อยกับปมเพิ่มพลังด้านการท่องเที่ยว เพราะวลีที่บอกเรื่องจะดึงเม็ดเงินจากทั่วโลก กระจายรายได้ทุกจังหวัดและจะเพิ่มพลังคนรุ่นใหม่ สร้างเถ้าแก่ใหม่ทั่วประเทศ มันดันไปสอดคล้องกับการพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ในรายการกู๊ด มันเดย์ ที่เสนอประเด็นเรื่องชวนโลกมาเที่ยวไทย กระจายรายได้ทุกจังหวัด
ในภาคของทักษิณนั้นมีการอธิบายขยายความที่เห็นภาพแนวคิดและวิธีการได้อย่างชัดเจน แต่ปัญหาคือหากมีใครจับเป็นความเชื่อมโยงในลักษณะทักษิณคิดเพื่อไทยทำ แล้วนำไปร้องต่อกกต.ว่านายใหญ่เข้าข่ายครอบงำพรรคการเมือง ก็เป็นเรื่องที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อย เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์จะมีเรื่องใหม่ให้เป็นปมนำไปสู่การยุบพรรคได้อีก ยุคนี้อะไรที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นจะด่วนสรุปแบบนั้นไม่ได้ เพราะสิ่งที่คนไม่ได้คิดมักจะเป็นไปได้และเป็นไปในแบบที่ไม่คิดว่ามันน่าจะเป็นด้วยซ้ำไป