ดักเก็บ MAJOR โบรกฯฟันธงกำไรไตรมาส 4/61 โตทะลัก 244 ลบ. รับยอดขายตั๋วหนังพุ่ง
ดักเก็บ MAJOR โบรกฯฟันธงกำไรไตรมาส 4/61 โตทะลัก 244 ลบ. รับยอดขายตั๋วหนังพุ่ง เคาะเป้าสูง 31 บ. ดันอัพไซด์กระฉูด 44%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/61 และประจำปี 2561 เติบโต โดยนักวิเคราะห์มีการประเมินว่า บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เป็นบริษัทจดทะเบียนที่จะมีกำไรไตรมาส 4/61 เติบโตอย่างโดดเด่น จากรายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น รวมถึงรายได้จากโฆษณาที่เริ่มฟื้นตัวหนุนให้ผลประกอบการปี 2561 เติบโต และผลักดันให้ผลประกอบการปี 2562 เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินว่า กำไร MAJOR ในไตรมาส 4/61 จะเติบโต 182.1% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ระดับ 211 ล้านบาท หนุนจากภาพยนตร์ที่ทำรายได้ดี พร้อมคาดการณ์รายได้รวมเพิ่มขึ้น 53.4% จากงวดปีก่อนที่ระดับ 2,850 ล้านบาท หนุนจากภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงทั้งภาพยนตร์ไทยและฮอลลีวูด
โดยภาพยนตร์ Top 10 ในไตรมาส 4/61 ของ MAJOR มีรายได้เพิ่มขึ้น 83% จากงวดปีก่อน อีกทั้งโรงเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 60 อีก 72 โรง เป็น 782 โรง ส่งผลให้รายได้จากอาหาร/เครื่องดื่มเติบโตตาม ขณะที่รายได้โฆษณาแม้จะลดลงจากงวดปีก่อน เนื่องจาก Naming Sponsor ยังกลับมาใช้งบไม่เต็มที่ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนถือว่าฟื้นตัวขึ้นมาก
ส่วนโบว์ลิ่งและธุรกิจให้เช่าคาดว่ายังทรงตัว ส่วนต้นทุนและ SG&A ปรับตัวขึ้นตามรายได้และจำนวนโรงที่เพิ่มขึ้น พร้อมคาดการณ์ทั้งปีกำไร 1,235 ล้านบาท ดีกว่าคาดเดิมที่ 1,193 ล้านบาท โดยคาดครึ่งปีหลังจะจ่ายปันผลที่ 0.60 บาท (ทั้งปี 1.25 บาท)
อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานที่ระดับ 30.75 บาท โดยคงคาดการณ์กำไรปี 2562 ที่ 1,250 ล้านบาท
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดการณ์ MAJOR จะมีกำไรสุทธิช่วงไตรมาส 4/61 ที่ระดับ 244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 226% จากงวดปีก่อน โดยคาดว่าจะมีกำไรจากการขายหุ้น SF ประมาณ 30 ล้านบาท หากไม่รวมรายการดังกล่าว กำไรปกติจะเท่ากับ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% จากไตรมาสก่อน และฟื้นจากขาดทุน 52 ล้านบาทในไตรมาส 4/60
โดยเป็นผลจากหนังหลายเรื่องในไตรมาส 4/61 ทำรายได้ดี เช่น นาคี 2 เกือบ 300 ล้านบาท (เฉพาะเครือเมเจอร์), Aquaman, Venom, Fantastic Beasts 2 และ Bumblebee ทำรายได้เรื่องละกว่า 100 ล้านบาท ทำให้คาดรายได้จากการขายตั๋วหนังเพิ่มขึ้น 41% จากไตรมาสก่อน และ 71% จากปีก่อน เป็น 1,549 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มเติบโตดีตามรายได้หนัง
อย่างไรก็ดี รายได้โฆษณาคาดจะชะลอลงเมื่อเทียบกับงวดปีก่อน เนื่องจากลูกค้าที่หมดสัญญายังกลับมาไม่ครบ ผลประกอบการของ MPIC คาดว่ายังขาดทุนแม้รายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายนาคี 2 แต่การผลิตหนังไทย 4 เรื่องมีผลขาดทุน เราคาดเงินปันผลช่วงครึ่งหลังปี 2562 เท่ากับ 0.65 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปี 2.8%
ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” ในราคาพื้นฐาน 31 บาท/หุ้น และเลือกเป็น Top Pick กลุ่ม จากกำไรงวดไตรมาส 4/61 ที่โดดเด่น และผลตอบแทนเงินปันผลสูงเฉลี่ย 6% ต่อปีบวกกับราคาเป้าหมายปี 2562 อิงวิธี DCF อยู่ที่ 31 บาท ทำให้มี Upside 44.2%
ทั้งนี้ ประเมินว่ารายได้ค่าโฆษณาจะกลับมาเติบโตอีกครั้งตั้งแต่ งวดไตรมาส 1/62 โดยโฆษณาที่มีปัญหา 3 รายตั้งแต่ไตรมาส 3/61 ในงวด ไตรมาส 1/62 จะสามารถเริ่มรับรู้รายได้แล้วทั้งหมด คือ Naming Sponsor 2 ราย ที่ พารากอน คือ Bangkok Airways หยุดต่อสัญญา เปลี่ยนมาเป็น Honda แทน และกรุงไทย ต่อสัญญาเรียบร้อยแล้ว และ Sponsor หลักอีเวนต์ เบียร์ช้าง ได้ต่อสัญญาเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน นอกจากนี้ โรงภาพยนตร์ที่ ICONSIAM สามารถรับรู้ค่าโฆษณาเต็มไตรมาส และยังมี Sponsor รายเล็ก เข้ามาเพิ่มอีก 2 ราย อาทิ โคโดโม คาดจะรับรู้รายได้เพิ่มอีก 10 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ในปี 2562 มีการปรับกลยุทธ์การขายโฆษณาและภาพยนตร์ไทยหนุนรายได้เติบโตดีขึ้น นอกจากจุดเด่นที่รับรู้รายได้จากการเปิดโรงหนังที่ ICONSIAM เต็มปี MAJOR ยังมีแผนเปิดโรงหนังในต่างจังหวัดอีก 40 โรงโดยเน้นเปิดที่ Tesco Lotus และ BIGC สาขาละ 2 โรง เน้นฉายภาพยนตร์ไทย ซึ่งมีกระแสความนิยมในต่างจังหวัดดีมาก
อีกทั้งจะปรับกลยุทธ์การขายโฆษณาจากเดิมขายโดยตรงให้เจ้าของสินค้า 70% และผ่านเอเจนซี่ 30% โดยจะเพิ่มสัดส่วนขายผ่านเอเจนซี่เป็น 50% เพราะ MAJOR ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะขายโฆษณาตามโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัด กลยุทธ์ดังกล่าวคาดจะหนุนให้รายได้ค่าโฆษณาในปี 2562 เติบโตดีขึ้น อีกทั้งโปรแกรมหนังที่เข้าฉายในปี 2562 มีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จำนวนมาก คาดจะช่วยให้กำไรปกติของ MAJOR ในปี 2562 เติบโตราว 10%