บรรทัดวัดความแถ
ตั้งพรรคมา 3 เดือน สี่รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐเพิ่งจะลาออก แต่กลับคุยโวโอ้อวด ว่าสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้สังคมเพราะไม่เคยมีรัฐมนตรีลาออกหลังประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง นักการเมืองที่วิจารณ์ก็ไม่เคยลาออก ถูกกดดันมาตลอด 3 เดือน อุตส่าห์แบกรับด้วยความอดทนไม่อยากเห็นประเทศไทยใช้วาทกรรมทำลายกัน ที่ลาออกนี้ไม่ใช่เพราะใครกดดัน แต่เพราะต้องการทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา
ตั้งพรรคมา 3 เดือน สี่รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐเพิ่งจะลาออก แต่กลับคุยโวโอ้อวด ว่าสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้สังคมเพราะไม่เคยมีรัฐมนตรีลาออกหลังประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง นักการเมืองที่วิจารณ์ก็ไม่เคยลาออก ถูกกดดันมาตลอด 3 เดือน อุตส่าห์แบกรับด้วยความอดทนไม่อยากเห็นประเทศไทยใช้วาทกรรมทำลายกัน ที่ลาออกนี้ไม่ใช่เพราะใครกดดัน แต่เพราะต้องการทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา
บลา ๆ ๆ ฟังเหมือนน่าชื่นชมเสียเหลือเกิน อุตส่าห์แสดงสปิริต ? ไอ้พวกที่ด่าไม่เห็นมีใครทำ
แต่ย้อนไปไม่กี่วันก่อน วิษณุ เครืองาม ก็อธิบายว่ารัฐบาลนี้มีอำนาจเต็ม ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ ไม่เหมือนรัฐบาลจากเลือกตั้ง ประกาศพระราชกฤษฎีกาแล้วก็ยังแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ ครม.สัญจรได้ อนุมัติงบผูกพันได้ ฯลฯ ฉะนั้น นักการเมืองอย่ามาเรียกร้องให้รัฐบาลนี้ทำเหมือนสมัยตัวเอง เพราะเป็นคนละกรณีกัน รัฐธรรมนูญคนละฉบับกัน รัฐธรรมนูญนี้ไม่ห้ามรัฐบาลนี้ ม.44 ยังใช้ได้อยู่เลย
ไม่รู้ใครใช้วาทกรรม แถไปทีละวัน วันหนึ่งบอกเองว่ารัฐบาลนี้มีอำนาจพิเศษ อำนาจมากกว่ารัฐบาลเลือกตั้ง ซึ่งทำให้เกิดกระแสกดดันสี่รัฐมนตรีลาออก แต่พอลาออก ก็อ้างว่านักการเมืองไม่เห็นเคยทำ
ถ้าไม่มีอำนาจมากกว่ารัฐบาลปกติ รัฐธรรมนูญบทเฉพาะกาลจะเขียนไว้หรือ ว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ ถ้าจะลงสมัคร ส.ส.ต้องลาออกภายใน 90 วัน แต่นี่อยู่มาเกือบสองปี เพิ่งจะลาออก ไปเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค ส่ง ส.ส.สมัคร แต่ตัวเองไม่ได้สมัคร ส.ส. แล้วก็บอกว่าไม่ขัดกฎหมาย
คือถ้าจะเลี่ยงบาลี ก็ตีความได้ว่าไม่ขัด แต่อย่ามาอ้างสปิริต บรรทัดฐาน โดยไม่กระดากปาก
ที่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ว่าปัดป้องใครเป็นพัลวัน เพราะกลัวท่านผู้นำเจอแรงกดดัน ถ้ารับเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเจ้าตัวก็พูดชัด ไม่ลาออกทั้งนายกฯ หัวหน้า คสช. จะใช้อำนาจไปอย่างนี้ โดยอ้างว่ากฎหมายไม่บอกให้ลาออก
นั่นละครับ บรรทัดฐาน ซึ่งเดี๋ยวก็จะอ้างเหมือนกัน ทียิ่งลักษณ์ ทักษิณ ถูกเรียกร้องให้ลาออกระหว่างยุบสภา ก็ไม่เห็นต้องลาออก ลาออกแล้วใครจะบริหารประเทศ ใครจะดูแลบ้านเมือง ฯลฯ
ทั้งที่มันไม่เหมือนกัน อย่างที่วิษณุพูดนั่นแหละ รัฐบาลปกติใช้อำนาจให้คุณให้โทษใครไม่ได้ ขนาดเกิดภัยพิบัติจะใช้งบจำเป็นเร่งด่วนก็ยังต้องขอ กกต. สมัยอภิสิทธิ์ กกต.เคยออกข้อกำหนด นายกฯ จะไปรับมอบเงินบริจาคช่วยผู้ประสบภัย ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ไปเป็นประธานเปิดงาน ปาฐกถาเปิดการประชุม ก็ไม่ได้ สำมะหาอะไรกับการพูดคนเดียวออกทีวีทุกช่อง
นี่ยังไม่พูดถึง ม.44 ที่ปลด กกต.ได้ ที่ถอนคำสั่งแขวนนายก อบจ. ให้ไปชูไม้ชูมือผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐได้ หรือการเป็นหัวหน้า คสช. สั่งทหารไปติดตามสอดส่องพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามได้ สั่งมหาดไทย กองทัพ กอ.รมน. ลงไปประชุมชี้แจงกำนันผู้ใหญ่บ้าน อปท.ได้
ท้ายที่สุด หัวหน้า คสช.ยังจะเป็นคนเลือก 250 ส.ว. ซึ่งถ้าตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ เปิดประชุมรัฐสภาเลือกนายกฯ ก็ต้องการ ส.ส.แค่ 126 คน
อะไรที่มันโจ๋งครึ่มอย่างนี้หรือคือบรรทัดฐาน ที่จะอ้างว่าทีนายกฯ จากเลือกตั้งไม่เห็นต้องลาออก
อย่างน้อย ถ้าไม่ออกจากนายกฯ ก็ควรลาออกจากหัวหน้า คสช.ทิ้ง ม.44 ทิ้งอำนาจเลือก ส.ว. แล้วทำตัวให้เหมือนรัฐบาลรักษาการ ก็ยังพอถูไถ