สินเชื่อจำนำรถ เล็กไม่(รอด)..ใหญ่รอด.!

สำนักข่าวรัชดา

 

น่าจะหายแพนิกกันแล้ว..หลังพิมพ์เขียว “เกณฑ์การกำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ” ของแบงก์ชาติ ไม่ได้เข้มเป็น “กาแฟดำ” อย่างที่นักลงทุนตื่นกลัวกัน..ในทางกลับกันดูเหมือน “เข้าทางปืน” บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ..ที่ให้บริการสินเชื่อประเภทนี้ด้วยซ้ำไป..!!

ไฮไลต์สำคัญของหลักเกณฑ์ที่ว่า..คือให้ทางเลือกผู้ประกอบการประกอบธุรกิจได้ทั้งระดับจังหวัด และระดับประเทศ โดยระดับจังหวัด..ขอใบอนุญาต PICO Finance ทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 หมื่นบาท/ราย เพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 36% (รวมค่าติดตามทวงถามหนี้)

ระดับประเทศ ขอใบอนุญาต Personal loan หากผู้ประกอบการปัจจุบัน มีใบอนุญาตสินเชื่อทะเบียนรถอยู่แล้ว ให้แจ้งเพิ่มเติมต่อแบงก์ชาติว่า จะทำธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ ทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อไม่กำหนด เพดานอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 28% (บวกค่าธรรมเนียมต่าง ๆ)

เรื่องการบังคับใช้ อ้างอิงตามหลักเกณฑ์ที่แบงก์ชาติออกประกาศไปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ใช้บังคับกับสถาบันการเงินและกลุ่มธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล..!!

จากไทม์ไลน์ “เกณฑ์การกำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ” ที่ว่านี้..น่าจะมีผลบังคับใช้ไม่เกิน 1-2 เดือนนี้..

ดูจากเกณฑ์ดังกล่าว ผู้ประกอบการ “ธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ” ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH

หรือธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ อย่างเช่น ธนาคารทิสโก้ (TISCO) ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) และธนาคารธนชาต ในกลุ่มทุนธนชาต (TCAP)

เหล่านี้..ล้วนแทบไม่เห็นผลกระทบเชิงลบ..หรือว่าเดือดร้อนอะไรเลย..เพราะทุกวันนี้..ไม่ได้ปล่อยสินเชื่อทะเบียนรถ ที่ล้ำเส้นกับเกณฑ์ใหม่อะไรมากนัก..อาจแค่เสียเวลาแก้ไขงานธุรการบางประการเท่านั้นเอง

ในทางกลับกัน..เปิดช่องให้บริษัทเหล่านี้..สร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ..อาทิ การแตกบริษัทลูกไปขอใบอนุญาต PICO Finance เพื่อขยายเพดานดอกเบี้ยได้สูงถึง 36% จากเดิมมีใบอนุญาต Personal loan และมีเพดานดอกเบี้ยไม่เกิน 28%

ด้วยเกณฑ์ที่ว่านี้ จะกลายเป็นเงื่อนไขสกัดกั้น..การเจริญงอกงามของบริษัทผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถรายย่อย หรือปลาซิว ปลาสร้อย ตามเขตภูธรต่าง ๆ..ที่อาจต้อง “ปรับตัว” เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์ใหม่

หรือบางรายโชคร้าย..อาจต้อง “ปิดตัว” เพราะไม่สามารถปรับตัวตามเกณฑ์ใหม่นี้ได้..!!

นั่นจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ฯ ข้างต้น ที่อาศัยความได้เปรียบด้านทุนทรัพย์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์..ฉกฉวยจังหวะ “กวาดต้อนลูกค้าระดับล่าง” ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำกันเลยทีเดียว

อารมณ์ประมาณว่า “เตะหมู..เข้าปากสุนัข” เลยก็ว่าได้..!?

…อิ อิ อิ..