ขึ้นแบบชั่วคราว?โมนิก้าและทีมงาน

*ในที่สุดสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ทำท่าเหมือนกำลังแย่ สุดท้ายก็เด้งดึ๋งเหมือนโด๊ปไวอากร้ามาหลายเม็ด แรงซื้อพุ่งตรงไปยังหุ้นกลุ่มบลูชิพเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นก็แพร่กระจายไปยังหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็กตลอดทั้งวัน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ส่วนจะเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืนหรือไม่? อันนี้ต้องตามกันดูต่อไปเรื่อยๆ นะค่ะ


*ในที่สุดสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ทำท่าเหมือนกำลังแย่ สุดท้ายก็เด้งดึ๋งเหมือนโด๊ปไวอากร้ามาหลายเม็ด แรงซื้อพุ่งตรงไปยังหุ้นกลุ่มบลูชิพเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นก็แพร่กระจายไปยังหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็กตลอดทั้งวัน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา ส่วนจะเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืนหรือไม่? อันนี้ต้องตามกันดูต่อไปเรื่อยๆ นะค่ะ

*เนื่องจากปัจจัยการลงทุนยังเหมือนเดิม เศรษฐกิจยังแย่เหมือนเดิม โรคเมอร์สยังแพร่ระบาดเหมือนเดิม ธุรกิจสายการบินยังมีปัญหาความปลอดภัยเหมือนเดิม ปัญหาหนี้กรีซยังแก้ไม่ตกเหมือนเดิม รูปแบบการลงทุนยังเน้นเล่นสั้นๆ เหมือนเดิม “โมนิก้า” ถึงมองว่าตลาดหุ้นไทยก็คงไปได้ไม่ไกลเหมือนเดิม และมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะไล่ซื้อหุ้นแบบบ้าระห่ำนะจะบอกให้

*ฉะนั้นการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,518.26จุด บวกไป 15.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.23 ล้านบาท ย่อมตีความได้อย่างเดียวคือ window dressingเพราะเป็นตัวแปรเดียวที่ผลักดันให้ดัชนีทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง บวกกับกองทุนกลับเข้ามาไล่เก็บหุ้นหลายวันติดต่อกัน ย่อมทำให้ข้อสันนิษฐานดังกล่าวมีน้ำหนักขึ้นมาในทันที และทำให้การขึ้นเที่ยวนี้เป็นแบบเฉพาะกิจจริงๆ นะตัวเอง

*ขนาดหุ้น AOTมีสาระพันปัญหารุมเร้าไม่ว่างเว้น วานนี้ยังกระชากขึ้นมาปิดที่ 305 บาท บวกไป 9 บาท หรือขึ้นไป 3%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2 พันล้านบาท น่าจะมาจากเป็นผลมาจากหุ้นลงมาเยอะ บวกกับกองทุนเข้ามาไล่ราคาหุ้นเพื่อทำตัวเลข “โมนิก้า” ถึงไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไรดี เพราะการขึ้นเที่ยวนี้มาจากเหตุผลทางเทคนิค กับอารมณ์ล้วนๆ ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้มีการพูดถึงนะคะ

*เหมือนกับกรณีของ IRPCไม่สามารถเอาปัจจัยพื้นฐานมาเป็นตัวตั้งในการเล่นได้เลย เพราะคอนเซ็ปต์การเข้าลงทุนในหุ้นตัวนี้มาด้วยเรื่องเทิร์นอะราวด์ บวกกับรอบการเล่นในปี 58 จบตรงบริเวณ 4.80 บาทมาถึง 2 ครั้งด้วยกัน ก่อนจะลงไปตั้งหลักแถว 4 บาท “โมนิก้า” ถึงไม่กล้าแสดงความคิดเห็นว่า หุ้นจะไปได้ดีกว่ารอบที่แล้ว ล่าสุดหุ้นปิดที่  4.50บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 6% วอลุ่มแน่นเอี้ยด มันเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องไปคิดต่อกันเอาเองนะคะ

*อีกหนึ่งรายที่น่าจับจ้องสุดๆ “โมนิก้า” กลับไปสนใจในตัว IVL หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 28.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.50% พร้อมกับทำ new high ในรอบ 11 เดือนมันหมายความว่า ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติแล้วใช่ไหมเอ่ย? ถ้าเป็นเช่นนั้น ต้องลุยต่อไปทันที และในเมื่อหุ้นปิโตรมายกแผง แรงซื้อหนาแน่น ก็ควรหุ้นมาดูอีกหนึ่งพี่เบิ้มอย่าง PTTGCก่อนหน้านี้อาจไม่มีแรงกระชากทะลุ 60 บาท แต่ครั้งที่ 2 กลับกระชากขาดวิ่น ต่อจากนั้นก็ไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 71 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3% มันทำให้เดี๊ยนนึกถึงภาพวันวานที่หุ้นขึ้นไปยืนแถวๆ 80 บาทขึ้นมาในทันทีเจ้าค่ะ

*ไหนๆ รำลึกถึงอดีตอันแสนหวาน “โมนิก้า” ขอเม้าท์ถึงหุ้นรับเหมาก่อสร้าง STECของ “เสี่ยหนู”  สักเล็กๆ น้อยๆ เพราะเป็นหุ้นที่มีมูฟเม้นท์ตลอดเวลา ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 24.10บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3% วอลุ่มแน่นเอี้ยด จึงลุ้นวิ่งฝ่าแนวต้านแรก 26 บาทขึ้นไปได้สบายๆ ต่อจากนั้นจะขึ้นไปทดสอบด่านหิน 28 บาทได้หรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไปนะจ๊ะ

*เหมือนกับม้ามืดอย่าง SYNEXจู่ๆ กระชากขึ้นมาปิดที่ 4.42บาท บวกไป 0.56บาท หรือขึ้นไป 14.50%  ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ซมากๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววจะกระโดดขึ้นแรง ย่อมเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้คนในตลาดหุ้นสงสัยเป็นธรรมดา บวกกับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหุ้นเอาแต่นอนสลบไสล ทุกคนเลยอยากรู้ว่า จะไปได้สักกี่น้ำไงล่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ WAVEบริษัทแม่บังเกิดเกล้าของ TSEทุกคนรู้ดีว่า ได้รับผลดีจากลูกเยอะขนาดไหน? และปีนี้ผลงานจะเด็ดดวงขนาดไหน? แต่ที่ทุกคนเป็นห่วงมีแค่ เล่นกันนานไหม?เพราะก่อนหน้านี้ก็มาแรงๆ สไตล์นี้แหละ! สุดท้ายก็ลาโรงไปแบบดื้อๆ ผู้เล่นแต่ละรายถึงต้องประเมินความเสี่ยงกันเอาเอง ล่าสุดหุ้นปิดที่ 10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 8.70% ด้วยมูลค่า 360 ล้านบาท ส่วนตัวลูกวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.30บาท บวกไป 0.20 บาท ด้วยมูลค่า 180 ล้านบาท มันไม่ธรรมดาจริงๆ นะค่ะ

*ตบท้ายกันที่ PLANBหุ้นพื้นฐานแกร่ง อนาคตสุกสดใส เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเหล่านักเล่นสไตล์คุณค่าสักหน่อย ก่อนหน้านี้ บลจ.บัวหลวง เพิ่งเข้ามาเก็บหุ้นไป 5%ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า โบรกใหญ่ 2 แห่งให้ราคาเป้าหมายขั้นต่ำ  6 บาท พร้อมกับให้เหตุผลแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ว่า กำไรปีนี้จะทำ New High“โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่ารับฟังเป็นอย่างยิ่ง แถมราคาหุ้นล่าสุดปิดที่ 5.55 บาท ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากซื้อขึ้นมาในทันทีพร้อมกันนี้ก็ขออภัยที่วันก่อนลงราคาแนวรับหุ้นตัวนี้ผิดพลาดไปเยอะด้วยนะจ๊ะ

Back to top button