GCAP ตั้งเป้าสินเชื่อปี 62 โต 30% รับแผนขยายฐานลูกค้า-คุมเข้ม NPL ต่ำกว่า 5%
GCAP ตั้งเป้าสินเชื่อปี 62 โต 30% รับแผนขยายฐานลูกค้า-คุมเข้ม NPL ต่ำกว่า 5%
นายสเปญ จริงเข้าใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2561 มีกำไรสุทธิ 54.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 103.15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.02 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับรายได้รวม
โดยงวดปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 306.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.28% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 198.60 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการขยายตลาดสินเชื่อเช่าซื้อผ่านพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร และภาคการท่องเที่ยว ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยมียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่รวมจำนวน 1,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อใหม่แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 69% และสินเชื่อส่วนบุคคลและนิติบุคคล 31 %
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 50 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 91.09% ของกำไรสุทธิ โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คงเหลือเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลัง ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 14 ก.พ.2562 กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 13 ก.พ.2562 และจ่ายปันผลวันที่ 12 เม.ย. 2562
นอกจากนี้ ตามที่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 ของบริษัทฯ ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2561 ได้อนุมัติการออกหุ้นเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 50 ล้านบาท เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)
โดยจะออกและเสนอขายในคราวเดียวกันทั้งจำนวน ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2 บาท ทั้งนี้กำหนดให้วันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Record Date) โดยกำหนดการจองซื้อและชำระค่าหุ้นวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2561 และ 3 ธันวาคม 2561 บริษัทฯได้แจ้งเลื่อนวันจองซื้อหุ้นสามัญดังกล่าว
ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำหนดระยะวันเวลาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน และชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นวันที่ 14-21 ก.พ.2562 (รวม 5 วันทำการ) โดยสามารถจองซื้อหุ้นและชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2562 นี้ คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2561 เบื้องต้นวางเป้าหมายสินเชื่อใหม่ปี 2562 ขยายตัว 25-30% โดยจะเน้นขยายฐานลูกค้าในสินเชื่อที่มีหลักประกันและสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก เช่น สินเชื่อสบายใจอันดามัน ซึ่งเป็นบริการสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจเรือท่องเที่ยว และสบายใจเกษตรกร สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตร เนื่องจากฐานลูกค้าปัจจุบันยังไม่มากทำให้มีโอกาสในการเติบโตสูง และคุมเข้ม NPL ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 5%
“ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “สบายใจมันนี่” ร่วมกับ บริษัท 9F International Holding PTE. LTD (9F) ซึ่งเป็นบริษัททางการเงินชั้นนำจากประเทศจีน ได้มีการลงนามร่วมทุ่มอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ 9F ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ส่วนขั้นตอนการยื่นคืนใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคล (พีโลน)ของบริษัท แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมกับขอใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคลใหม่ในนามบริษัทร่วมทุนนั้น คาดว่าจะเสร็จสิ้นและสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงไตรมาส 2 ปี2562 ได้ตามแผน” นายสเปญ กล่าว