บลจ.ไทยพาณิชย์ จ่อควักเงิน 2.8 พันลบ. ปันผล 7 กองทุน
บลจ.ไทยพาณิชย์ จ่อควักเงิน 2.8 พันลบ. ปันผล 7 กองทุน
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2561 ว่ามีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเตรียมจ่ายเงินปันผลและจ่ายเงินลดทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม -31 ธันวาคม 2561 รวมทั้งสิ้น 7 กองทุน รวมมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท ในวันที่ 1 มีนาคม 2562 นี้ ทั้งนี้จะดำเนินการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลและเงินลดทุนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562
ส่วนกองทุนที่มีผลงานโดดเด่นในช่วงดังกล่าวยังคงเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่า ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ซึ่งมีทรัพย์สินตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักของกรุงเทพฯ คือ สุขุมวิท ที่มีรถไฟฟ้าบีทีเอส และบางนา-ตราด ซี่งเป็นจุดเชื่อมต่อของพื้นที่กรุงเทพฯ ออกไปทางนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในภาคตะวันออกของประเทศ
โดยในไตรมาส 4/2561 มีผลการดำเนินงานของทรัพย์สินที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2561 เนื่องจากมีการเช่าพื้นที่ของผู้เช่ารายใหม่รวมถึงผู้เช่าพื้นที่รายเดิมมีการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ อีกทั้งทรัพย์สินประเภทดังกล่าวยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน ส่งผลให้อัตราค่าเช่าเฉลี่ยปรับเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับกองทุนรวมอสังหาฯ ที่จ่ายปันผลประกอบด้วย 6 กองทุน ได้แก่ กองทุนอสังหาฯ ประเภทอาคารสำนักงาน จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ที่ลงทุนในอาคารสมัชชาวานิช 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2843 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 31 รวมจ่ายเงินปันผล 7.8954 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2554)
ด้านกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2204 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 25 รวมจ่ายเงินปันผล 5.5164 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2556)
รวมทั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) ลงทุนกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารสิริภิญโญ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.1382 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 19 รวมจ่ายเงินปันผล 2.8179 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2557)
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงงานและคลังสินค้า จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1743 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 18 รวมจ่ายเงินปันผล 3.4920 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ย.2557)
สำหรับกองทุนอสังหาฯ ประเภทคอมมิวนิตี้มอลล์ คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์คริสตัล รีเทล โกรท (CRYSTAL) ที่ลงทุนในโครงการเดอะ คริสตัล (The Crystal) และโครงการคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.0480บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 22 รวมจ่ายเงินปันผล3.9023 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2556)
นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเงินลดทุนในอัตรา 0.1210 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวน 47,190,000 บาท จากกรณีที่กองทุนมีการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการลดลงของการประเมินอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงแรม 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ที่ลงทุนในโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา เป็นการจ่ายเงินลดทุนในอัตรา 0.1170 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวน 20,603,170 บาท จากกองทุนมีการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการลดลงของการประเมินอสังหาริมทรัพย์
ส่วนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 1 กองทุน คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2600 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 20 รวมจ่ายปันผล 4.8309 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557)