CPALL โบรกฯมองกำไรปี 61 โตเล็กน้อยแตะ 2.1 หมื่นลบ. เซ่นค่าใช้จ่ายบริหารธุรกิจตปท.

บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL โดยประเมินกำไรไตรมาสที่ 4/2561 ไว้ที่ 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ CPALL จะมีกำไรสุทธิในปี 2561 ที่ระดับ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2560

ทั้งนี้ แม้ว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่คาดว่าจะมีตัวเลขการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ดี แต่จากการคาดการณ์แล้ว รายจ่ายในการดำเนินการของธุรกิจในต่างประเทศอย่าง ศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเอง (C&C) หรือ MAKRO (ที่ทาง CPALL ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 93%) นั้นจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ CPALL มีกำไรที่น้อยลง

อย่างไรก็ดี คาดว่ารายได้ของ CPALL ในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 จะโตขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วในปี 2560 ไปอยู่ที่ 1.31 แสนล้านบาท มาจาก 1) รายได้จากร้านสะดวกซื้อ 8.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) C&C จำนวน 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3) SSSG สำหรับ CPALL และ MAKRO เพิ่มขึ้น 3% และ 1% จากไตรมาสก่อน ตามลำดับ

โดยเป็นผลมาจากปัจจัยบวกด้านการบริโภคที่ทาง CPALL เน้นโปรโมทการใช้สแตมป์เซเว่นในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤษจิกายน นอกจากนั้นยังได้ผลบวกจากราคาสินค้าสดของ C&C ที่คงที่อีกด้วย

ดังนั้น จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ ในราคาเป้าหมายที่ 84 บาท/หุ้น คิดจากค่าเฉลี่ยของการคิดลดมูลค่ากระแสเงินสด (DCF) ที่ 86.00 บาท และ อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นที่ 81 บาท โดยเชื่อว่าธุรกิจในต่างประเทศอย่าง MAKRO นั้นจะดีขึ้น ซึ่งดูจากการเติบโตของการดำเนินการภายในประเทศแล้ว มีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มกำไรให้กับ CPALL ได้ในอนาคต

สำหรับความเสี่ยงที่จะเป็นปัจจัยมีผลทำให้อัพไซด์เพิ่มขึ้นได้จากการคาดการณ์ก็คือการขยายธุรกิจของ MAKRO ในต่างประเทศที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามด้วยความต้องการทางการบริโภคที่เพิ่มขึ้น หรือการลดระดับการลงทุนใน MAKRO ลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มงบดุลของ CPALL ได้

ส่วนความเสี่ยงที่จะเป็นปัจจัยมีผลทำให้เกิดดาวน์ไซด์ได้คือตัวเลข EBITDA จากการดำเนินการที่ต่ำกว่าคาดการณ์ อันเกิดจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หรือการเข้าทำกิจการที่อาจทำให้ทาง CPALL ต้องตั้งเงินระดมทุนไว้