เทอร์มินัล 2 ฉลุย! บอร์ด AOT ไฟเขียว “นิตินัย” ลุยเสนอคมนาคม-สศช.พิจารณาใหม่

เทอร์มินัล 2 ฉลุย! บอร์ด AOT ไฟเขียว "นิตินัย" ลุยเสนอคมนาคม-สศช.พิจารณาใหม่


นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้เดินหน้าโครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) มูลค่าโครงการ 4.2 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามความต้องการ คณะกรรมการ Airport Consultative Committee (ACC) ซึ่งประกอบด้วย สายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการการบินร่วมเป็นกรรมการ

ทั้งนี้ ทอท.จะนำเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคม และเข้าพิจารณาในชั้นสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติต่อไป

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางในการให้สิทธิประกอบกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. โดยให้แยก 3 สัญญาใหญ่ ได้แก่ กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) กิจกรรมเชิงพาณิชย์ (Retail, F&B, Service และ Bank) และกิจการให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) ออกจากกัน

โดยคณะกรรมการฯ เน้นให้เปิดกว้างแข่งขันกันอย่างเสรี โดยเฉพาะกิจการให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) เพื่อให้ผู้ประกอบการในเมือง (Downtown) สามารถส่งมอบสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท.ได้

พร้อมทั้งเห็นชอบหลักการในการคัดเลือกผู้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรและกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ตามที่ฝ่ายบริหาร ทอท.เสนอ ทั้งนี้ ให้ฝ่ายบริหาร ทอท.ตรวจสอบข้อกำหนดและรายละเอียดฯ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ก่อนที่จะดำเนินการประกาศต่อไป

ขณะที่ แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ AOT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวันนี้ให้ยกเลิกผลการประมูลงานออกแบบอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 ซึ่งมีกลุ่มนิติบุคคลร่วมทำงาน ดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก หรือ กลุ่มดวงฤทธิ์ บุนนาค เป็นผู้รับเลือก โดยคณะกรรมการมอบหมายให้ ทอท. เป็นผู้ออกแบบเอง

ส่วนวาระการพิจารณาร่างประกาศเชิญชวนเอกชน (ทีโออาร์) เข้าประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์สนามบินสุวรรณภูมินั้น เป็นการประชุมวาระลับนานราว 1 ชั่วโมง โดยมอบหมายให้นายนิตินัย เป็นผู้ให้ข้อมูลเพียงผู้เดียว

อนึ่ง ราคาหุ้น AOT ปิดตลาดวันนี้ (20 ก.พ.) อยู่ที่ 68.50 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 2.24% สูงสุดที่ 68.75 บาท ต่ำสุดที่ 67.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.91 พันล้านบาท

Back to top button