GFPT บวก 4% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” ชูเป้าสูง 16.50 บ. คาดกำไรปีนี้โต 18%
GFPT บวก 4% โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" ชูเป้าสูง 16.50 บ. คาดกำไรปีนี้โต 18% โดย ณ เวลา 15.07 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 14.40 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 4.35% สูงสุดที่ระดับ 14.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23.67 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ณ เวลา 15.07 น. อยู่ที่ระดับ 14.40 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 4.35% สูงสุดที่ระดับ 14.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23.67 ล้านบาท
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.พ.62) แนะนำ “ซื้อ” GFPT ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท/หุ้น โดย GFPT ประกาศกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 1,038 ล้านบาท ลดลง 38% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ลดลงมากกว่าที่บล.ทิสโก้และตลาดคาดประมาณ 9% จากการบันทึกมาตรฐานบัญชีใหม่การตั้งสำรองพนักงานเกษียนอายุจาก 300 วันเป็น 400 วัน จำนวน 110 ล้านบาท
โดยหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว กำไรสุทธิจะเป็นไปตามที่บล.ทิสโก้และตลาดคาดที่กำไรลดลง 31% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน รายได้รวมปี 2018 อยู่ที่ 16,647 ล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากราคาไก่ที่ปรับลดลงจากปริมาณไก่ที่ล้นตลาดปี 2018 ลดลงอยู่ที่ 34.50 บาท/กก. จากปี 2560 เฉลี่ยที่ 37.25 บาท/กก.
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีปริมาณการส่งออกไก่ที่เพิ่มขึ้นปี 2561 อยู่ที่ 32,700 ตัน เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากการส่งออกไปญี่ปุ่น ยุโรป และจีนที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นปี 2561 ลดลงอยู่ที่ 14.3% จาก 16.4% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จาก จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากราคาไก่ที่ลดลงในขณะที่ต้นทุนข้าวโพดอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นปี 2561 เฉลี่ยที่ 10 บาท จาก 8.25 บาท/กก. บริษัทรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมทุน GFN, McKey ลดลงอยู่ที่ 70 ล้านบาท จาก 270 ล้านบาท ตามราคาไก่ที่ลดลงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มไลน์การผลิตใหม่ของ McKey
ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 243 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, ลดลง 44% จากไตรมาสก่อน) ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดประมาณ 29% จากการตั้งสำรองพนักงานเกษียนอายุ 110 ล้านบาทดังกล่าว หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว กำไรสุทธิจะเป็นไปตามคาดเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 48%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน, ลดลง 19% จากไตรมาสก่อน ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 21% อยู่ที่ 9,100 ตันจาก 7,500 ตัน จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากการส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ไม่มี
อีกทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วม GFN และ McKey เพิ่มขึ้น 51 ล้านบาท จาก 17 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากบริษัท McKey มีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดไลน์ผลิตใหม่ สำหรับกำไรที่ลดลง 44% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาไก่ที่อ่อนตัวลงอยู่ที่เฉลี่ยไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 33.25 บาท/กก. จากไตรมาส 3/61 เฉลี่ย 34 บาท/กก. จากการผ่านช่วงไฮซีซั่นการส่งออกในช่วงไตรมาส 3 อัตรากำไรขั้นต้น ไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 13.6% จาก 15.6% จากราคาไก่ที่ปรับลดลงและต้นทุนวัตถุดิบข้าวโพดอาหารเพิ่มขึ้น ประกอบกับรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมลดลงเทียบกับไตรมาส 3/61 ที่รับรู้ 78 ล้านบาท ตามราคาไก่ที่ลดลง
สำหรับแนวโน้มกำไรปี 2562 เพิ่มขึ้นจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมทุน ยังคงประมาณการกำไรสุทธิเดิมในปี 2562-63 เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 18% (CAGR2y) คาดราคาไก่เฉลี่ยทรงตัวอยู่ที่ 32 บาท/กก. คาดปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นในปี 2562-63 เพิ่มขึ้นปีละ 5% จากการขยายกำลังการผลิตปีละ 10% รองรับการส่งออก และตามอุตสาหกรรมไก่ที่คาดการส่งออกยังเติบโตได้เฉลี่ย 3-4% จากญี่ปุ่นและยุโรปและการเพิ่มขึ้นจากจีนนำเข้าไก่ไทย คาดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2562-63 อยู่ที่ 14% คาดต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ทรงตัวจากราคาข้าวโพด 10 บาท/กก. และกากถั่วเหลืองอาหารสัตว์ 14 บาท/กก. คาดรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมทุนเพิ่มขึ้นจาก McKey เป็นหลัก จากอัตรากำลังการผลิตไลน์ผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นคาด 60%
อย่างไรก็ดี คงคำแนะนำ “ซื้อ” แนวโน้มกำไรเติบโตจากการส่งออกเพิ่มขึ้นและการรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมทุนเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ราคาเป้าหมาย 16.50 บาท อ้างอิง PER +1STD เฉลี่ยที่ 15.5X โดยราคาปัจจุบันมีระดับ PER19F ที่ 13X, Dividend Yield 19F อยู่ที่ 2%