SET บ่ายบวกต่อ เชื่อมี Window Dessingแนะสะสมหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม-การบิน

SET ช่วงเช้าแกว่งแคบ โดยเชื่อว่ามีแรงหนุนจากการทำ Window Dressing ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาด TIP ปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมหาทางออกให้กรีซ บ่ายนี้คาดแกว่งแคบ แต่ลุ้นปรับขึ้นจากแรงหนุนของการทำ Window Dressing โบรกฯให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,515-1,525 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (26 มิ.ย.) แกว่งแคบในแดนบวก โดยดัชนีได้รับแรงหนุนจากการทำ Window Dressing ที่ช่วยพยุงตลาดไว้ ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาด TIP ที่อยู่แดนบวก สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม คือการประชุมหาทางออกให้กรีซในวันเสาร์นี้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีแกว่งแคบต่อ แต่ลุ้นปรับตัวขึ้นจากการทำ Window Dressing พร้อมให้กรอบการแกว่งที่ 1,515-1,525 จุด ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว, โรงแรม และสายการบิน ได้ประโยชน์จากการที่ EASA ยังไม่ประกาศมาตรการพิเศษต่อสายการบินของไทย แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มหลัก เช่น BCPPTTGCSAMART-BLA-CK-STEC-SEAFCO-KBANK-KTB และ INTUCH

 

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยถึง ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ ขณะที่การซื้อขายเบาบางหลังใกล้วันหยุด แต่ยังได้แรงหนุนจากการทำ Window Dressing ช่วยประคองดัชนีไว้

ด้านตลาดหุ้นอื่นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยตลาดในกลุ่ม TIP สามารถยืนในแดนบวกได้ แต่ตลาดจีน และฮ่องกงอยู่ในแดนลบ ซึ่งน่าจะเป็นผลจากปัจจัยภายในของแต่ละตลาด โดยจีนมีความกังวลเรื่อง valuation ที่สูง

ขณะที่ ยังต้องติดตามการเจรจาของกรีซกับเจ้าหนี้ในวันเสาร์นี้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะกรีซใกล้จะครบกำหนดชำระหนี้ให้กับทาง IMF ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดยังแกว่งแคบ แต่อาจมีลุ้นปรับขึ้นเล็กน้อยจากแรงหนุนของการทำ Window Dressing พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,515-1,525 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (26 มิ.ย.) ว่า SET ยังแกว่งตัว Sideways บริเวณ 1,520 จุดต่อไป แม้การประชุม รมต. คลัง EU ยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้กรีซ แต่มีลุ้นที่จะ Sideways up ขึ้นต่อไปที่แนวต้าน 1,530 จุด จากประเด็นความคาดหวังเชิงบวกว่า EU จะสามารถสรุปดีลได้ทันก่อนสิ้นเดือนนี้ และ EASA ยังไม่ประกาศมาตรการพิเศษต่อสายการบินของไทยส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว อย่าง AOT โรงแรม และสายการบิน

ขณะที่ ฝ่ายวิจัยแนะซื้อ BCP ด้วยเป้าหมายทางพื้นฐานที่ 42 บาท เป็นหุ้น Laggard ในกลุ่มโรงกลั่น ที่นอกจากค่าการกลั่นจะทรงตัวในระดับสูงแล้ว ยังมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 118 MW ที่จะช่วยหนุนกำไรได้ สำหรับทางเทคนิคดีดตัวสูงขึ้นพร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่น ซึ่งกำลังทดสอบเส้น Downtrend Line บริเวณ 35.50 บาท โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 36/38 บาท

ส่วนกลยุทธ์หลักช่วงนี้ยังคงแนะนำเน้นกลุ่มหุ้นที่ 1) คาดกำไรไตรมาส 2/58 จะเติบโตดี อย่าง PTTGC, 2) หุ้นที่กำไรจะ Turnaround จากไตรมาส 1/58 อย่าง SAMART-BLA, 3) กลุ่มรับเหมา อย่าง CK-STEC-SEAFCO, 4) กลุ่มเป้าหมาย Window Dressing อย่าง KBANK-KTB และ 5) หุ้นที่จ่ายปันผลสูง อย่าง INTUCH

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (26 มิ.ย.) ว่า ดัชนีหุ้นเช้านี้ไทยผันผวนแดนบวก สามารถยืนแนวรับ 1,518 แนวต้านต่อไป 1,536 โดยรับแรงกดดันจากต่างประเทศหลังการประชุมวานนี้ระหว่างกรีซและรมว.คลังยูโรโซนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ เนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกันในหลายประเด็น แต่จะจัดการเจรจาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

สำหรับหุ้นที่หนุนดัชนีคือ AOT-KBANK-ADVANC-CPALL-IRPC-TASCO-STEC และ CK ส่วนกลุ่มที่ฉุดดัชนีคือ PTTEP-PTT-PTTGV-TOP-TUF-BBL-JAS และ PTG เนื่องจากกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบและปริมาณน้ำมันคงคลังสหรัฐที่ปรับเพิ่มขึ้น

ขณะที่ ฝ่ายวิเคราะห์ ASL แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น หลังปริมาณการซื้อขาย 2 วันที่ผ่านมามากกว่า 4 หมื่นล้านเป็นสัญญาณบวกแสดงความมั่นใจและการเล่นประเด็นของการทำ Window Dressing โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นขนาดใหญ่ แม้มีปัจจัยลบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ซึ่งเป็นผลจากปัญหาภัยแล้งที่ค่อนข้างรุนแรง จึงกระทบกำลังซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลโดยตรงต่อการส่งออกของประเทศไทยด้วย โดยฝากความหวังไว้กับการเบิกจ่ายงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐว่าจะสามารถขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 

แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย คาดดัชนีหุ้นไทยจะกลับขึ้นไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 90 วัน ที่ 1,524 จุด หากผ่านได้ มีแนวโน้มสูงที่จะขึ้นไปทดสอบ 1,536 จุด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 761.71 ล้านบาท ปิดที่ 201.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

TPIPL มูลค่าการซื้อขาย 703.84 ล้านบาท ปิดที่ 3.12 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

AOT มูลค่าการซื้อขาย 697.02 ล้านบาท ปิดที่ 306.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 661.78 ล้านบาท ปิดที่ 22.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

IRPC มูลค่าการซื้อขาย 551.63 ล้านบาท ปิดที่ 4.54 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button