พาราสาวะถี
บ่ายโมงครึ่งวันนี้รู้กันศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีที่พรรคไทยรักษาชาติ ถูกกกต.ร้องให้ยุบพรรคจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่รอดูคือศาลจะนัดสืบพยานตามกระบวนการไต่สวนหรือจะพิจารณาแล้ววินิจฉัยทันที งานนี้มีแค่สองทางคือ ยุบหรือไม่ยุบ ส่วนผลที่ออกมามีแรงกระเพื่อมอะไรหรือไม่ ในทางการเมือง พรรคสืบทอดอำนาจไม่ได้เปรียบอะไร ฝ่ายประชาธิปไตยพรรคอื่นก็รอเก็บตกคะแนนของคนที่จะเลือกทษช.ก่อนหน้า
อรชุน
บ่ายโมงครึ่งวันนี้รู้กันศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีที่พรรคไทยรักษาชาติ ถูกกกต.ร้องให้ยุบพรรคจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่รอดูคือศาลจะนัดสืบพยานตามกระบวนการไต่สวนหรือจะพิจารณาแล้ววินิจฉัยทันที งานนี้มีแค่สองทางคือ ยุบหรือไม่ยุบ ส่วนผลที่ออกมามีแรงกระเพื่อมอะไรหรือไม่ ในทางการเมือง พรรคสืบทอดอำนาจไม่ได้เปรียบอะไร ฝ่ายประชาธิปไตยพรรคอื่นก็รอเก็บตกคะแนนของคนที่จะเลือกทษช.ก่อนหน้า
วันนี้ อย่าไปพูดว่าการเลือกตั้งไม่ได้มีแค่ฝ่ายถือหางเผด็จการกับประชาธิปไตย เพราะในความเป็นจริงสิ่งที่เห็นมันชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร พรรคสืบทอดอำนาจทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองชนะ แม้กระทั่งออกหนังสือประวัติและผลงานของหัวหน้าเผด็จการที่ตัวเองเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ เป้าประสงค์คือฟอกขาวคนล้มรัฐบาลประชาธิปไตย อธิบายให้คนเชื่อว่าการสืบทอดอำนาจไม่ได้เสพติดอำนาจ
ขนาดหัวหน้าพรรคพูดถึงหนังสือเล่มนี้ยังมีมุมย้อนแย้งกันหลายขยัก ด้วยความที่พยายามจะสร้างความชอบธรรมต่อกระบวนการที่พรรคของตัวเองสร้างความได้เปรียบ โดยยืนยันว่าการทำหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เอาผู้นำเผด็จการมาหาเสียง แต่กลับบอกว่างบที่จัดทำหนังสือหมื่นเล่ม 1 ล้านบาทจะคิดเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของพรรคด้วย
นั่นย้อนแย้งประการหนึ่ง ประการต่อมาคืออ้างว่า ไม่ได้หาเสียงเพราะไม่ได้แจกหนังสือแต่ให้ผู้สมัครส.ส.และผู้แทนของพรรคนำหนังสือเล่มดังว่าไปนำเสนอให้กับประชาชน คนเราถ้ามีเป้าหมายเพื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วและเหมือนตัวเองมีชนักปักหลัง มักจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาอ้างสารพัด แต่สุดท้าย มันก็ขัดแย้งด้วยความที่มันไม่เป็นไปตามธรรมชาติหรือโปร่งใสนั่นเอง
มันคงไม่ยุ่งยากวุ่นวายหากไม่ใช่ผู้นำและรัฐบาลอำนาจเต็ม มันคงไม่เป็นปัญหาหากสู้กันโดยไร้หัวโขนและถืออำนาจวิเศษที่สามารถชี้เป็นชี้ตายกรรมการที่กำกับดูแลองค์กรจัดการเลือกตั้ง ยิ่งพยายามจะแก้ตัวทั้งคนถูกเสนอชื่อและพรรคที่ชงให้สืบทอดอำนาจ ยิ่งเข้ารกเข้าพง เพราะความจริงหากลดพฤติกรรมการเอาเปรียบพรรคอื่น ด้วยการไม่ไปตรวจราชการ หาเสียงแบบทนโท่ แต่ไม่ผิดเพราะคนตรวจสอบไม่กล้าจัดการ ก็คงไม่ต้องตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงอย่างที่เป็นอยู่
รู้ทั้งรู้ สังคมไทยไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบคู่ต่อสู้ เห็นทั้งเห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาฝ่ายที่ถูกกระทำมักจะได้รับคะแนนสงสาร แต่ก็ยังทำตัวให้คนหมั่นไส้ อาจจะด้วยมั่นใจในแสนยานุภาพทั้งกองกำลังที่ผู้นำวางตัวเป็นกลางกระเท่เร่ ทั้งกฎหมายสารพัดที่วางกับดักคู่แข่งไว้ตลอดทาง มิหนำซ้ำ องค์กรที่ให้คุณให้โทษยังแสดงท่าทีรู้เห็นเป็นใจกันอย่างออกนอกหน้า จึงทำทุกอย่างโดยไม่สนใจหน้าไหนทั้งสิ้น
ทุกกระบวนท่าที่ถูกปล่อยมาให้สังคมเห็นเวลานี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่ามีเป้าหมายอย่างใด นี่ขนาดมีเสียงส.ว.ลากตั้งเป็นต้นทุนแล้ว 250 เสียง ยังแสดงออกถึงการประหวั่นพรั่นพรึงคู่ต่อสู้ถึงเพียงนี้ ดีไซน์รัฐธรรมนูญและรูปแบบการเลือกตั้งมาเพื่อตัวเองและพรรคพวกแท้ ๆ ยังกลัวกันขาสั่น ไม่อยากจะคิดว่า หากสู้กันแบบแฟร์ ๆ วัดกันแบบลูกผู้ชาย เลือกตั้งกันแบบเดิม จะหัวหดและต้องใช้วิชามารกันขนาดไหน
ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเองเป็นพรรคที่อ้างว่าเข้ามาเพื่อปฏิรูปและสร้างทางเลือกด้านการเมืองให้กับประชาชน แต่วลีของแกนนำพรรคที่เปล่งบนเวทีปราศรัย เต็มไปด้วยถ้อยคำหยาบคาย ไม่คิดว่าคนที่เป็นอดีตรัฐมนตรีจะแสดงความกักขฬะได้ถึงเพียงนี้ ความจริงหากจะเร้าอารมณ์ร่วมของกองเชียร์และเรียกเสียงเฮจากมวลชน มันไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วาจาต่ำช้าขนาดนั้น
นักการเมืองรุ่นเก่า ที่เขาปราศรัยด้วยท่าทีสุภาพ ภาษาสละสลวย โดยที่มีมวลชนแห่แหนไปรอฟังก็มีให้เห็นไม่น้อย แต่แปลกใจว่าทำไมแกนนำพรรครายนี้ถึงได้แสดงกิริยา วาจาในลักษณะนี้ และก็ไม่ใช่ครั้งแรก อาจจะเป็นเพราะสันดานดิบติดตัวมา เหมือนอย่างที่มีสมาชิกบางพรรคการเมืองเคยดูแคลนก่อนหน้า น่าเสียดายจริง ๆ ที่การปฏิรูป สร้างการเมืองใหม่เป็นได้แค่การขายฝันและวาทกรรมลวงโลกเพื่ออุ้มสมให้เผด็จการชูคอได้เท่านั้น
หลายคนยังติดใจไปกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์เขาได้อย่างไรว่าปลายทางจะร่วมรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ในเมื่อท่าทีของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำแข็งกร้าวขนาดนี้ ต้องอย่าลืมว่ากี่ครั้งกี่หนมาแล้ว ที่เมื่อเกิดการพลิกแพลงทางการเมือง พรรคการเมืองบางพรรคก็จะอ้างว่า สิ่งที่แต่ละคนแสดงออกเป็นเรื่องของปัจเจกไม่เกี่ยวกับมติของพรรคแต่อย่างใด
กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อร่วมลงทุนลงแรงโบกมือดักกวักมือเรียกเผด็จการกันมาถึงขนาดนี้ แม้จะไม่ได้รับอานิสงส์จากการเขียนกฎหมายใด ๆ มิหนำซ้ำ ยังถูกพวกดูดคนของตัวเองไปอีกจำนวนไม่น้อย แต่สายสัมพันธ์ที่มีมันตัดไม่ขาด หากแน่จริงและไม่สังฆกรรมกับการสืบทอดอำนาจไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ต้องกล้าประกาศให้มันชัดถ้อยชัดคำ ไม่ใช่เล่นลิ้นแทงกั๊กอย่างที่เป็นอยู่
ความจริงมันก็น่าจะจบตั้งแต่หัวหน้าพรรคบอกว่า ถ้าผู้นำเผด็จการรับตำแหน่งนายกฯคนนอกนั่นถือว่าไม่ได้มาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าผ่านการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแล้วถือว่าเดินตามครรลอง อย่างนี้ไม่มีปัญหา มันก็พอจะเดากันได้แล้วว่า ปลายทางหลังเลือกตั้งเมื่อตัดสินใจแบบใดแล้ว มันจะเกิดวาทกรรมอำพรางสร้างความชอบธรรมต่อการเสพสมกับเผด็จการสืบทอดอำนาจของตัวเองและพรรคในทันทีทันใด
ส่วนอนาคตใหม่ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่กระแสแรงเกินคาด ก็ยังถูกตามล้างตามเช็ดไม่เลิก ขนาดอดีตที่ปรึกษากรธ.ออกมาขอโทษอ้างว่าดูข้อกฎหมายผิด เรื่องเว็บไซต์พรรคกรอกประวัติหัวหน้าผิดถึงขั้นยุบพรรค แต่ก็ไม่วายยังมีนักร้องไปยื่นต่อกกต.ให้ยุบพรรคดังว่า ด้วยการยกเอาเหตุผลต่าง ๆ นานา พ่วงเข้ากับท่าทีของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคเข้าไปด้วย ต้องทำใจในฐานะดาวรุ่งพุ่งแรงย่อมมีคนรอเตะตัดขาอยู่ตลอดทาง แต่ถ้าผ่านพ้นไปได้ก็น่าสนใจไม่น้อยว่าการเมืองในสภาของพรรคนี้จะเดินกันอย่างไร