พาราสาวะถี
ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ รัฐบาลเชิญชวนประชาชนและทุกภาคส่วนสวมเสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช 2562 ประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเครื่องราชสักการะ ซึ่งพระฉายาลักษณ์ได้พระราชทานแล้วมี 3 แบบ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน
อรชุน
ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ รัฐบาลเชิญชวนประชาชนและทุกภาคส่วนสวมเสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช 2562 ประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเครื่องราชสักการะ ซึ่งพระฉายาลักษณ์ได้พระราชทานแล้วมี 3 แบบ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน
วันนี้ ผู้บริหารพรรค ผู้สมัครส.ส. สมาชิกพรรคและกองเชียร์ไทยรักษาชาติ ลุ้นผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคตามคำร้องของกกต.ที่เสนอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาด้วยข้อกล่าวหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงส่วนใหญ่ที่เชื่อว่า “ไม่รอด”
สิ่งที่จะตามมาคือบทลงโทษที่ว่าด้วยการตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจไม่ได้ระบุระยะเวลาไว้ อันหมายความว่า คณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ อนาคตไกล จะต้องเว้นวรรคทางการเมืองกันตลอดชีวิต ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องยึดตามที่ ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช แม่ของ ร้อยโทปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคว่าไว้ก่อนหน้า ทุกอย่างเป็นไปตามลิขิต
แรงกระเพื่อมที่จะตามมามหาศาลคือ ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต 175 เขต แบบบัญชีรายชื่อ 106 คน ก็จะถูกจับแพ้ฟาวล์ อดลงสนามไปด้วยปริยาย การหาเสียงที่ผ่านมาก็ถือว่าฟรีและเหนื่อยเปล่า ที่น่าจับตามองต่อไปคือ ฐานคะแนนที่มีอยู่จะถูกผ่องถ่ายไปให้กับพรรคการเมืองใด แล้วคนที่ตั้งใจจะเลือกเพราะชื่นชอบจะตัดสินใจไปกาพรรคไหนแทน
พวกที่หวังส้มหล่น ผลพวงจากการยุบพรรคเครือข่ายทักษิณย้ำคำเดิม เสียงที่จะไปเพิ่มฝั่งหนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้นไม่มีทางเป็นไปได้หรือถ้ามีก็น้อยมาก เนื่องจากแนวคิดและทิศทางต่างกันอย่างชัดเจน การถูกรุมกินโต๊ะจากพรรคการเมืองต่าง ๆ หนักหนาสาหัสขนาดไหน ก็ขนาดที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงกับโอดครวญจะเอาเป็นเอาตายกันขนาดนั้นเชียวหรือ
จากความไม่แน่ใจต่อกระบวนการที่จะถูกยื่นตีความเหล่านี้นี่เอง ทำให้ล่าสุดเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคสืบทอดอำนาจซึ่งจะจัดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมาในวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคมนี้ จะไม่มีท่านผู้นำไปร่วมอย่างแน่นอน จากการยืนยันของเจ้าตัวที่บอกว่า ไม่ได้ช่วยหาเสียงอะไรกับใครยังคงทำงานเหมือนเดิม ในช่วงนี้ยังพออ้อมแอ้มได้ว่า ไม่ใช่กลัวการถูกยื่นตีความแต่ต้องพักรักษาตาที่เพิ่งผ่าตัดต้อกระจกให้หายดีเสียก่อน
ความจริงย้ำมาตลอด ปลอดภัยไร้ปัญหาที่สุดคือการลงพื้นที่พบปะประชาชนในนามนายกฯจะไปจังหวัดไหนก็ได้ในประเทศไทย หรือจะเลือกเอาพื้นที่ที่กระแสของพรรคสืบทอดอำนาจไม่ดี ต้องไปกระทุ้ง ก็ไม่มีใครว่า ไม่จำเป็นต้องโพนทะนาหรือพะยี่ห้อพรรคที่ตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯก็ได้ เพราะเวลานี้ใครก็รู้อยู่แล้วว่าฐานะในการเลือกตั้งของผู้นำเผด็จการนั้นคืออะไร เกี่ยวดองหนองยุ่งกับพรรคใด
ไม่เพียงเท่านั้น เชื่อว่าช่วงโค้งสุดท้ายทางพรรคสืบทอดอำนาจคงปูพรมกันอย่างหนักด้วยการขึ้นรูปคู่ผู้สมัครของผู้นำเผด็จการหรืออาจจะเป็นรูปเดี่ยวแบบเท่ ๆ หล่อ ๆ พร้อมกับการชูนโยบายสารพัดประชานิยมจำแลง เท่านี้ก็ไร้ปัญหาแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพูดหรือปราศรัยอะไรให้สุ่มเสี่ยง ดีไม่ดีการดันทุรังไปขึ้นเวทีหรือไปร่วมหาเสียงแทนที่จะเกิดประโยชน์จะกลายเป็นโทษไปเสียฉิบ
อย่างที่ท่านผู้นำยอมรับมีคนจ้องจับผิดกันเพียบ หากไปขึ้นเวทีปราศรัยด้วยบรรยากาศที่เร้าอารมณ์ สร้างความฮึกเหิม อาจจะทำให้หลุดคำพูดอะไรออกไปที่จะย้อนกลับมาให้มีปัญหาภายหลังก็ได้ นักการเมืองประเภทกลอนพาไปตกม้าตายกันมานักต่อนักแล้ว เชื่อว่าผู้นำเผด็จการก็คงเข้าใจสภาพเช่นนี้เหมือนกัน จึงทำให้แกนนำของพรรคสืบทอดอำนาจต้องคอยเก้อกันไปก่อน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าคงจะเป็นภาวะแค่ชั่วคราว เพราะฟังจากสิ่งที่ วิษณุ เครืองาม ออกมารับรองล่าสุดท่านผู้นำขึ้นเวทีปราศรัยได้ ทำตัวเหมือนอดีตนายกฯที่อยู่ในช่วงรักษาการที่ผ่านมาไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ น่าสนใจไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่เนติบริกรอุตส่าห์ออกแรงอุ้มกันขนาดนี้ เหมือนการันตีว่าปลอดภัยแน่ แต่ท่านผู้นำก็ยังไม่กล้าเสี่ยง มันชวนให้คิดกันไม่น้อยว่ามีอะไรลึกล้ำมากไปกว่านั้นหรือไม่ ออกลูกนี้ทำให้ผู้ที่ร่วมชะตากรรมใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่ใช่น้อย
แต่ด้วยเวลาของการหย่อนบัตรงวดเข้ามาทุกขณะ ถ้าประเมินแล้วว่าพรรคสืบทอดอำนาจเสียงดีแต่ไม่มีคะแนน เมื่อถึงเวลานั้นมันก็จำเป็นที่จะต้องออกโรงสู้ศึก โดยทิ้งอาการประหวั่นพรั่นพรึงต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งมวล ส่วนเรื่องคำขู่อันนี้ท่านผู้นำไม่ได้ยี่หระอยู่แล้ว ต้องรอดูว่าจะกล้าวัดหรือไม่ เพราะหากพิจารณาจากนิสัยส่วนตัวตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมาแล้ว ทุกเรื่องที่เผชิญแรงเสียดทานมาก ๆ ท่านผู้นำมักจะใส่เกียร์ถอยมากกว่าเดินหน้าชน
ความจริงคนก็ตั้งคำถามกันมาตลอดกับระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม แต่ก็สู้เสียงฝ่ายเผด็จการไม่ได้ ไม่ต้องชี้แจงอะไรมากแค่ปิดปากคนเห็นต่างทุกอย่างก็จบ แต่วันนี้เริ่มมีข้อกังวลกันแล้วว่า บัตรใบเดียวเลือกได้ 3 อย่างหรือทรีอินวัน อันหมายถึงส.ส.เขต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และนายกรัฐมนตรีนั้น มันเป็นผลดีหรือจะมีปัญหามากกว่า เพราะระบบดังว่านี้ไม่มีประเทศใดในโลกเคยใช้มาก่อน แม้แต่เยอรมนีที่คนเขียนกฎหมายอ้างว่าเป็นแม่แบบก็ตาม
เพราะที่นั่นเขาใช้ระบบสัดส่วนผสมจริง แต่ประชาชนผู้มีสิทธิสามารถลงคะแนนได้ 2 คะแนนคือเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตและผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ขณะที่ระบบเลือกตั้งแบบไทย ๆ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะมีเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะนำคะแนนเสียงไม่ตกน้ำจากการเลือกส.ส.เขตไปคำนวณจำนวนส.ส.พึงมีในระบบปาร์ตี้ลิสต์ สิ่งที่ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ตั้งคำถามถึงเจตนารมณ์ของกรธ.ว่าคิดอย่างไรที่ใช้ระบบนี้ คำตอบมีอยู่โดยไม่ต้องรอ ก็เพื่อสกัดกั้นระบอบทักษิณไง สั้น ๆ ง่าย ๆ ส่วนจะวุ่นวายอะไรยังไง ไม่สน !