เปิดโผ 20 รายชื่อหุ้น SET ผลงานอ่วม! ปี 61 ขาดทุนเพิ่มขึ้น
เปิดโผ 20 รายชื่อหุ้น SET ผลงานอ่วม! ปี 61 ขาดทุนเพิ่มขึ้น
ผ่านไปแล้วสำหรับการประกาศผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ทั้งใน SET-mai ประจำปี 2561 ซึ่งทีมงาน ”ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้นำเสนอกลุ่มบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้นและลดลง และนำเสนอกลุ่มที่พลิกมีกำไรและพลิกขาดทุนไปแล้ว
สำหรับครั้งนี้จะขอนำเสนอบริษัทจดทะเบียน(บจ.) กลุ่ม SET ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนเพิ่มขึ้นปี 2561 โดยเรียงลำดับขาดทุนเพิ่มขึ้นมากสุดไปหาน้อยสุด ซึ่งมีหุ้นทั้งหมด 20 ตัว อย่างไรก็ตามจะเลือกนำเสนอข้อมูลบริษัทประกอบเพียง 5 อันดับแรกของตารางดังนี้
อันดับ 1 บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ขาดทุนสุทธิ 1,011.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 810.33% จากปีก่อนขาดทุน 111.15 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากรายได้รวมปี 2561 ลดลงมาอยู่ที่ 3,720.05 ล้านบาท จากปีก่อน 4,325.68 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมปี 2561 อยู่ที่ 4,408.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 4,053.40 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurer) ครอบคลุมทั้งการรับประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุ วิศวกรรม ภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้า ลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศ มีเพียงบางส่วนเป็นลูกค้าจากตลาดต่างประเทศ
อันดับ 2 บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ขาดทุนสุทธิ 80.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 727.78% จากปีก่อนขาดทุน 9.76 ล้านบาท
ด้านนายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) กล่าวถึง ภายหลังจากผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน กลยุทธ์ของบริษัทปี 2562 พร้อมที่จะเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง จากการบริหารจัดการภายในที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนในปีที่ผ่านมา การวางระบบเข้าเสริมงานขายและการปล่อยสินเชื่อให้มีประสิทธิภาพ โดยผลักดันธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน หรือ สินเชื่อรถทำเงิน ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง ณ สิ้นปี 2561 มีพอร์ตสินเชื่อรถทำเงินอยู่แล้วที่ราว 1,200 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 2562 จะเติบโตเท่าตัว หรืออยู่ที่ราว 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2561 SINGER มีสัดส่วนยอดขายจากธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณ 50% , สินเชื่อรถทำเงิน และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 50% คาดว่าในปีนี้ สัดส่วนยอดขายจะมาจากธุรกิจเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าประมาณ 30% , สินเชื่อรถทำเงิน และสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 70% สะท้อนแผนการเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมา เสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจได้ตามคาดหมาย
นอกจากนี้ ผลประกอบการปี 2561 มองว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วมีรายได้รวม 2,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22% ขณะที่ ขาดทุนสุทธิ 81 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการตั้งสำรองในไตรมาส 1/2561 ขณะที่ สามารถควบคุม NPL ให้ลดลงอยู่ที่ประมาณ 10% วางเป้าหมายปี 2562 เทิร์นอะราวด์ได้ตามเป้าหมาย
อันดับ 3 บริษัท สุรพลฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SSF รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ขาดทุนสุทธิ 80.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 727.78% จากปีก่อนขาดทุน 9.76 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายลดลงและต้นทุนในการให้บริการและต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารแช่เยือกแข็ง ทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพร้อมปรุง (Ready-to-cook) และกลุ่มพร้อมรับประทาน (Ready-to-eat) ที่มีคุณภาพ และผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพระหว่างประเทศ เช่น GMP, BRC, HACCP, ISO 22000
อันดับ 4 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ขาดทุนสุทธิ 11,625.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 451.65% จากปีก่อนขาดทุน 2,107.35 ล้านบาท
โดยปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินสูง ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมจำนวน 199,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,554 ล้านบาท ทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้ค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ รายได้จากการบริการอื่นๆ และรายได้อื่นๆ
อย่างไรก็ดี บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายรวม 208,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,468 ล้านบาท ซึ่งมาจากค่าน้ำมันเครื่องบินที่เพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันสูงขึ้น 7.3% จากค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุง นอกจากนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินจำนวน 3,459 ล้านบาท
อันดับ 5 บริษัท กุลธรเคอร์บี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KKC รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ขาดทุนสุทธิ 605.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250.67% จากปีก่อนขาดทุน 172.75 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 7,428 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อน 21.62% เป็นผลกระทบเนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน