“กรุงศรี” เคาะ 10 หุ้นเด่นปัจจัยหนุนเพียบ! แนะจับตามติ Brexit-หุ้นเข้า FTSE
“กรุงศรี” เคาะ 10 หุ้นเด่นปัจจัยหนุนเพียบ! แนะจับตามติ Brexit-หุ้นเข้า FTSE
บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้คาดดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,645-1,650 จุด เนื่องจากได้ปัจจัยบวกรัฐสภาอังกฤษมีมติไม่เห็นชอบต่อการ Brexit แบบ No deal และวันนี้รัฐสภาอังกฤษจะโหวตเรียกร้องให้ EU ขยายเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน (เดิม 29 มี.ค.)
ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นเหนือ 58 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล รวมถึงซาอุฯเตรียมลดกำลังการผลิตในเดือนเม.ย.ให้ต่ำกว่าระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ FTSE rebalance (มีผล 15 มี.ค.) เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยขึ้นจาก 1.83% เป็น 1.87% ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าราว 5 พันลบ. โดยวานนี้ Foreign พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 13 วัน จะช่วยหนุนต่อกภาวะการลงทุนในช่วงนี้
กลยุทธ์การลงทุน
– กลุ่มโรงกลั่น (TOP, PTTGC, SPRC) คาดงบไตรมาส 1/2562 เป็นบวกจากค่าการกลั่นฟื้นตัวขึ้นและ Stock gain
– กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ได้ประโยชน์เม็ดเงินที่จะสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
– กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19 และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนขยายตัวขึ้น
หุ้นแนะนำวันนี้: CPALL (ปิด 76.75 ซื้อ/เป้า 88) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หนุนประชาชนกล้าจับจ่ายใช้สอยเป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ CPALL ยังมี Growth story จากโอกาสได้สิทธิเปิดร้าน 7-11 ในกัมพูชาและลาว,EA (ปิด 48 ซื้อ/เป้า 63) คาดกำไรสุทธิ 1Q19 พุ่งทำ All time high ต่อเนื่องรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. นอกจากนี้ EA ยังได้รับการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของ FTSE รอบใหม่ในกลุ่ม Large cap, TOP (ปิด 70.5 ซื้อ/เป้า 90) ได้ Sentiment บวกอย่างต่อเนื่องจากค่าการกลั่นที่กลับมาฟื้นตัว โดยล่าสุดค่าการกลั่น ณ โรงกลั่นสิงคโปร์เร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 4.35$/bbl เทียบกับช่วงต้นปีอยู่ที่ระดับ 1.5$/bbl ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นใน 1Q19 จะทำให้บริษัทพลิกกลับมามีกำไรจาก Stock gain จำนวนมากเทียบกับ 4Q18 ที่ขาดทุน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) Brexit ยังมีทางออก รัฐสภาอังกฤษเลือก Brexit แบบไม่เอา No Deal วันนี้คาดรัฐสภาฯจะลงมติเลื่อน Dead line ของการ Brexit ออกไป : เมื่อคืนที่ผ่านมารัฐสภาอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 321 ต่อ 278 เสียง ไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง หรือ No deal ส่งผลให้สถานการณ์โดยรวมยังเป็นบวก โดยคืนวันนี้รัฐสภาอังกฤษจะจัดให้ลงมติอีกครั้งเพื่อเลือกว่า จะขยายเวลาการแยกตัวออกไป หรือ ใช้กำหนดการเดิมคือวันที่ 29 มี.ค.19 ยังมองบวกโดยเชื่อว่ารัฐสภาอังกฤษจะเลือกให้ สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน และทำให้เป็นไปได้ในท้ายที่สุดอังกฤษอาจจะต้องทำการลงประชามติอีกครั้ง(ครั้งที่ 2) ว่าประชาชนจะยังต้องการ Brexit อีกหรือไม่
(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งแรงทะลุระดับ 58$/bbl สูงสุดในรอบ 4 เดือน ตอบรับตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงสวนทางกับที่ตลาดคาด : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 58.26 ดอลลาร์/บาร์เรล นับเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน ตอบรับข่าว EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลง 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล
(+) ปัจจัยที่ต้องติดตาม – FTSE ปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยรอบเดือน มี.ค. และ BoJ meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ -0.1% ตามเดิม : ในวันพรุ่งนี้ FTSE จะปรับน้ำหนักการลงทุนในรอบเดือน มี.ค.โดยหุ้นไทยจะถูกเพิ่มน้ำหนักใน FTSE All Word Asia-Pacific จาก 1.83% เป็น 1.87% คาดจะมีเม็ดเงินไหลเข้าประมาณ 5 พันล้านบาท
โดยรอบนี้มีหุ้นที่เข้าคำนวณในดัชนี Large Cap คือ HMPRO, GULF, EA, MINT, MAKRO, BEM, DIF และ หุ้นที่เข้าดัชนี Mid Cap คือ MTC, GPSC ทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้โดยใช้ราคาปิด ณ สิ้นวันที่ 15 มี.ค. เป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง ส่วนการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) คาดที่ประชุมจะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ -0.1% รวมถึงคงโครงการ QE ไว้ตามเดิม