พาราสาวะถี
เห็นกันชัดเจนไปแล้วจากการลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและนครราชสีมาของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นการไปตรวจราชการปกติ ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน หรือเป็นไปเพื่อการหาเสียงในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ คงว่ากันไม่ได้เพราะการไปเช่นนี้ไม่สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายเหมือนอย่างการไปขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคการเมือง
อรชุน
เห็นกันชัดเจนไปแล้วจากการลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและนครราชสีมาของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นการไปตรวจราชการปกติ ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน หรือเป็นไปเพื่อการหาเสียงในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ คงว่ากันไม่ได้เพราะการไปเช่นนี้ไม่สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายเหมือนอย่างการไปขึ้นเวทีปราศรัยของพรรคการเมือง
ส่วนเรื่องที่จะมีใครไปร้องให้กกต.ตรวจสอบว่า การไปลงพื้นที่โดยใช้หัวโขนความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและกลไกทุกอย่างของรัฐแต่กลับเป็นไปเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองนั้น เมื่อทุกอย่างมันต้องใช้การตีความ พวกหนึ่งใช้วิชาศรีธนญชัย ขณะฝ่ายบังคับใช้กฎหมายก็กลัวมาตรายาวิเศษหัวหด เช่นนี้อย่าไปหวังเรื่องมาตรฐานและความเป็นธรรมใดๆ
เอาแค่กรณีการร้องเรียนความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของผู้นำเผด็จการ ก็เห็นแล้วว่ากระบวนการทำงานขององค์กรแห่งนี้เป็นไปในลักษณะใด อิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.เพิ่งบอกกับนักข่าวว่า จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม 7 เสือกกต.ภายในวันสองวันนี้ แต่ล่าสุด จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต.บอกหน้าตาเฉยเรื่องจะเข้าที่ประชุมฝ่ายกฎหมายของสำนักงานกกต.วันจันทร์หน้า และน่าจะเข้าสู่ที่ประชุมกกต.ได้ในอีก 1 สัปดาห์
แค่เงื่อนเวลาและคำชี้แจงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็ทำให้เห็นแล้วว่ามีการแบ่งบทกันเล่นอย่างไรหรือว่ารอผลการเคาะของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ล่าสุดฟันธงแล้วว่าผู้นำเผด็จการไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เมื่อเป็นแบบนี้จะทำให้สังคมเกิดความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรที่จะต้องให้ความเป็นธรรมต่อการเลือกตั้งได้อย่างไร ไม่ต่างกันจากกรณีที่อดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคไทยรักษาชาติประกาศเทคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่และกรณีการโหวตโน
จากปากคำของประธานกกต.บอกว่าความปรากฏต่อกกต.เห็นว่าน่าจะเป็นความผิด จึงต้องเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจน อ้าว ! แล้วเรื่องที่มีคนร้องก่อนหน้านั้นทำไมยังชักช้า นี่แหละหนาที่โบราณว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ถ้าเช่นนั้นก็มีคำถามต่อไปว่า หากอดีตผู้สมัครของทษช.ประกาศเทคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐจะถูกสอบแบบรวดเร็วเช่นนี้หรือไม่
ไม่ต่างกันจากปมโต๊ะจีนพปชร.ที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะผู้ร้องออกมาแสดงความงุนงงสงสัย ทำไมไปสอบไม่ตรงกับสิ่งที่ยื่นร้องไป กลายเป็นประเภทถามวัวตอบควายไปเสียฉิบ หากกระบวนการทำงานยังเป็นไปในลักษณะนี้ ก็อย่าได้หวังเลยว่าหลังการเลือกตั้งแล้วทุกอย่างจะราบรื่น เรียบร้อย สิ่งสำคัญคือ วางเดิมพันไว้ล่วงหน้าได้เลยว่าที่ส.ส.ของพรรคฝ่ายตรงข้ามผู้มีอำนาจจะถูกตามสอยกันเป็นว่าเล่น
ไม่เพียงเท่านั้น สัญญาณที่เห็นกันชัดเจนต่อการเล่นงานฝ่ายตรงข้ามเผด็จการคือการอ้างกระบวนการทางกฎหมายจัดการกับผู้สมัครส.ส.ในพื้นที่ที่มีฐานเสียงแข็งแกร่ง และมีผู้สมัครที่ใกล้ชิดกับผู้กุมอำนาจด้านความมั่นคงลงชิงชัย ทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาฉ้อโกงประชาชนเหมือนกันหมด ตัวละครที่ใช้กฎหมายและวิธีการที่ใช้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน
แม้ว่ากรณีนี้ต้องไปว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น มีการส่งเรื่องให้กกต.ตรวจสอบคนเหล่านี้ด้วย ซึ่งหากพิจารณากันตามข้อกฎหมายปกติแล้ว ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ยุคนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปหนีไม่พ้นการตีความขององค์กรที่ให้คุณให้โทษกับผู้สมัครส.ส. ซึ่งก็จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าตกอยู่ภายใต้อาณัติของอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือไม่
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านั้น ผลของการเลือกตั้งหนนี้สุดท้ายอาจจะหนีไม่พ้นสองเรื่องคือ โกงสะบัดกับหาเหตุทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่ถ้าพิจารณาจากแผนการที่วางกันไว้เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบแบบสุด ๆ กรณีหลังไม่น่าจะเกิดขึ้น เห็นการแต่งองค์ทรงเครื่องของผู้นำเผด็จการแล้วถือว่ามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะกำชัยชนะในการเลือกตั้งได้
บิ๊กเซอร์ไพรส์ที่พรรคสืบทอดอำนาจโฆษณาขายฝันกันมาก่อนหน้านี้ กระทอกแรกถูกเปิดมาแล้วผ่านแนวพันธสัญญา 3 ด้านคือ คนไทยต้องรวยด้วยความสงบ รวยด้วยความสุขและรวยด้วยความหวัง สิ่งที่แกนนำพลังประชารัฐประกาศจะไม่ให้บอกว่านี่คือประชานิยมหรือโคตรประชานิยมได้อย่างไร เพราะมีทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาทต่อวัน และการันตีเงินเดือนปริญญาตรีที่ 20,000 บาท อาชีวะศึกษาเดือนละ 18,000 บาท
ทั้ง ๆ ที่ถ้าจำกันได้ เมื่อสองปีก่อนมีข้อเรียกร้องของผู้ใช้แรงงานให้ขึ้นค่าแรง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากผู้นำเผด็จการด้วยสารพัดเหตุผล เพิ่งจะมาอนุมัติให้ขึ้นเอาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ประกาศความชัดเจนเรื่องเล่นการเมืองต่อและจะสืบทอดอำนาจ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่ามีการวางแผน เตรียมการกันไว้อย่างไร
แต่คงจะไปโยนให้ใครที่มีอำนาจตรวจสอบหรือเอาผิดได้ยาก ต้องฝากความหวังไว้กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะไปกาบัตรกันในวันที่ 24 มีนาคมนี้ กรณีความกังวลเรื่องการโกงนั้น หากมีคนมาใช้สิทธิกันอย่างถล่มทลายก็น่าจะทำกันได้ยาก แต่หากพิจารณาจากท่าทีของผู้คุมกติกาประกอบแล้ว จากที่คิดว่าไม่น่าจะมีและเกิดยากชักจะไม่แน่ใจอยู่เหมือนกัน
หลายคนได้ฟังอาการปรี๊ดแตกของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่พูดถึงฝ่ายต่อต้านผู้นำเผด็จการแล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ไม่น่าเชื่อว่าคนคนนี้จะเป็นได้ถึงเพียงนี้ ยิ่งการบอกว่าการมีอำนาจเด็ดขาดไม่จำเป็นต้องให้มีการเลือกตั้งก็ได้ ยิ่งสะท้อนภาพเผด็จการเต็มรูปแบบได้อย่างเด่นชัด ทั้งที่ความจริงเหตุผลที่ต้องเลือกตั้งเกิดจากอะไร ในฐานะคนที่เดินทางไปพบปะกับต่างชาติมากที่สุดสมคิดน่าจะรู้ดีกว่าใคร
ไม่ว่าจะอ้างอะไรอย่างไร สิ่งที่แสดงออกจะเป็นภาพสะท้อนของขบวนการสืบทอดอำนาจมากที่สุด ให้จับตาดูบิ๊กเซอร์ไพรส์อีกกระทอกคือ 22 มีนาคมนี้ เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคสืบทอดอำนาจ ผู้นำเผด็จการจะปรากฏตัวเพื่อทิ้งทวนและเรียกคะแนนเสียงเป็นครั้งสุดท้าย ที่การเมืองฝ่ายตรงข้ามบอกว่าเป็นการเอาเปรียบกันจนวินาทีสุดท้าย ในเมื่อ(พวกฉัน)ทำอะไรก็ได้แล้วจะไปสนใจเสียงนกเสียงกาทำไม