หุ้นไก่คุ้ยขยะ

พอมีข่าวดีที่รอคอย ราคาหุ้นของบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (มหาชน) หรือ SUPER พุ่งกระฉูดตามระเบียบ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับ 0.70 บาทอยู่ดี


พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล 

พอมีข่าวดีที่รอคอย ราคาหุ้นของบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (มหาชน) หรือ SUPER พุ่งกระฉูดตามระเบียบ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับ 0.70 บาทอยู่ดี

ข่าวดีที่ว่าคือ ก.ล.ต.ไฟเขียวตั้งกองอินฟราฯฟันด์, มูลค่ากองทุน 8.0 พันล้านบาท ที่รอคอยกันจนไม่ใช่ข่าวใหม่อะไร

การรายงานผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทp ว่า ก.ล.ต.อนุมัติให้บลจ.บัวหลวง ในฐานะบริษัทจัดการกองทุน ที่ได้ยื่นคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) สามารถจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมได้แต่กำหนดให้สามารถเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนได้ต่อเมื่อโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการที่กองทุนฯจะลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิ ได้รับใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว

เงื่อนไขดังกล่าว หมายความว่า ทรัพย์สินของ SUPER ที่จะขายเข้ามาเป็นทรัพย์สินของกองทุนที่ว่าเน้นโครงการผลิตไฟฟ้าจำนวน 118 เมกะวัตต์ (เป็นบางส่วนที่บริษัทมีอยู่รวมกว่า 700 เมกะวัตต์) นั้น มีบางส่วนที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย ส่วนที่ยังไม่เรียบร้อยนี้ แม้จะไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นตัวถ่วงสำคัญ เพราะทำให้การเสนอขายกองทุนเสียเวลาออกไป

ตามข้อมูลระบุว่า โครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการข้างต้น เป็นโครงการซึ่งได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีปริมาณการซื้อขายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 12 เมกะวัตต์ แต่ได้ถูกแขวงการทางมีหนังสือขอเวนคืนที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโครงการบางส่วนเพื่อทำการก่อสร้างถนนเป็นผลทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ของทั้ง 2 โครงการข้างต้นใหม่  โดยผลจากการเปลี่ยนแปลงบริษัทจึงมีความจำเป็นต้องยื่นคำขอแก้ไขใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการดำเนินการดังกล่าวและคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2562

นั่นหมายความว่า อย่างเร็วสุดที่ SUPER จะขายทรัพย์สินเข้ากองทุนดังกล่าว ต้องเป็นเดือนเมษายน หรือไตรมาสสอง การบันทึกรายได้จากการขายทรัพย์สินเข้ากองทุน ก็คงต้องรองบสิ้นงวดกลางปีเดือนสิงหาคมนี้ไปเท่านั้น

สินทรัพย์ที่จะขายเข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว จะมาจากสินทรัพย์ที่คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติก่อนหน้านี้ โดยได้มีการอนุมัติให้บริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้งจำกัด (17AYH) และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (HPM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SUPER ทำรายการจำหน่ายสินทรัพย์ในโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 19 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 118 เมกะวัตต์ ให้กับกองทุนฯ รวมทั้งคณะกรรมการยังได้อนุมัติให้บริษัทฯทำธุรกรรมซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ในสัดส่วน 20-30%

อย่างที่ทราบกันดี การขายทรัพย์สินเข้ากองทุนมีจุดเด่นสำคัญคือ ได้รับเงินสดค่าขายทรัพย์สินเป็นก้อนใหญ่ ช่วยให้รายได้และกำไรที่บันทึกในงบการเงินสวยงาม หายขี้เหร่

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการของ SUPER ย้ำแล้วย้ำอีกว่าเงินที่ได้รับจากการจัดตั้งกองทุนเพื่อนำไปชำระหนี้ และรองรับการขยายงานทั้งในประเทศและต่างประเทศภายในอนาคต ซึ่งนักลงทุนระดับแมงเม่าฟังแล้วคุ้นจนชาชิน

ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ข่าวคราวเกี่ยวกับการขายทรัพย์สินเข้ากองทุน ถือเป็นคำปลอบใจนักลงทุน และเป็นเป้าหมายและความหวังสำคัญของ SUPER ที่เริ่มต้นด้วยมูลค่าสวยงามระดับ 12,000 หมื่นล้านบาท แต่ต่อมา มูลค่าลดลงไปเหลือประมาณ 10,000 ล้านบาทก่อนจะมาจบลงเอยที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท เพื่อระดมเงินทุน สำหรับการรีไฟแนนซ์หนี้ครั้งใหญ่

การขายทรัพย์สินเข้ากองทุนนี้ถือว่าเป็นวิศวกรรมการเงินที่สำคัญ 2 ด้าน ด้านแรกคือ ลดหนี้เก่าเพื่อก่อหนี้ใหม่ ด้านหลังคือรับรู้รายได้กลับจากการถือหน่วยลงทุนในกองทุนที่ตั้งขึ้น

ในด้านการลดหนี้ มีความหมายมากกว่า เพราะตัวเลขล่าสุด SUPER มีหนี้สินรวมกว่า 32,000 ล้านบาท แม้จะเป็นหนี้ระยะยาวที่มีแรงกดดันไม่มากนัก แต่ค่าดี/อีเกือบ 3 เท่าตัวและภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ 1,200 ล้านบาท (หรือเดือนละเฉลี่ย 100 ล้านบาท หรือตกวันละ 3.3 ล้านบาท) ก็ถือว่าขี้เหร่ไม่ธรรมดา

ภาระหนี้ที่ค่อนข้างสาหัสจนหลังแอ่นนี้ แม้นายจอมทรัพย์จะแสดงความเชื่อมั่นเสมอว่าสามารถสร้างรายได้และกำไรมากกว่าดอกเบี้ยจ่าย แต่ก็มีผลทำให้อัตราความสามารถทำกำไรของ SUPER ต่ำกว่าหุ้นพลังงานทดแทนทั่วไปอย่างชัดเจน

ภาระหนี้ที่จะลดลงของ SUPER จากการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนนี้ จะเป็นแค่ลดลงชั่วคราวเพราะเป็นกลยุทธ์ “ลดหนี้เพื่อก่อหนี้ใหม่ที่มากกว่าเดิม” เนื่องจาก​ SUPER จะต้องนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้หนี้ อีกส่วนหนึ่งไปขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่อีก 800 เมกะวัตต์ ซึ่งหนีไม่พ้นสร้างหนี้ใหม่อีก

การที่นายจอมทรัพย์บอกสั้น ๆ ว่า หลังจากนี้ไป มีแผนขยายกองทุนให้เพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อรองรับโครงการใหม่ที่จะเข้ามาด้วยในอนาคต จึงต้องฟังหูไว้หู เพราะเหตุว่า SUPERไม่ได้เป็นเจ้าของกองทุน แต่ลงทุนบางส่วนซึ่งคาดว่าไม่เกิน 20%

การลงทุนในกองทุนแค่ 20% นี่แหละที่ยังเป็นคำถามปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบ เพราะเท่ากับว่าในอนาคต รายได้จากผลตอบแทนของกองทุนที่ SUPER ถืออยู่จะลดลงจากปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ

ข่าวดีตั้งกองทุนสำเร็จของบลจ.บัวหลวง เพื่อลดหนี้ของ SUPER ลงชั่วคราวแล้วก่อหนี้ใหม่โดยที่กำไรในอนาคตลดลง เป็นคำถามปริศนาที่ท้าทายว่า ราคาหุ้น SUPER ที่ต่ำเตี้ยยาวนานหลังจากหลุดใต้ 1.00 บาท มาปีเศษแล้ว จะกลับขึ้นไปได้อย่างไร

คำถามนี้ อย่านำไปถามนายจอมทรัพย์หรือ เสี่ย ป. ณ อันดามัน เป็นอันขาด ไม่มีคำตอบแน่นอน

ฉายาหุ้น “ต้มแข้งไก่” ที่นักลงทุนระดับแมงเม่าคุ้นเคย น่าจะกินความรวมถึง ไก่คุ้ยกองขยะด้วย.

 

Back to top button