พาราสาวะถี
ถูกค่อนขอดต่อเนื่องเรื่อง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดคลิปช่วยพรรคพลังประชารัฐปราศรัยที่จังหวัดสุโขทัย และคงจะตามมาอีกหลายแห่ง ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยตัวเป็น ๆ ขึ้นเวทีปราศรัยทิ้งทวนที่กรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคมนี้ เป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ของแกนนำพรรคและลิ่วล้อใช่หรือไม่ เพราะคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้ตื่นเต้นตามไปด้วย
อรชุน
ถูกค่อนขอดต่อเนื่องเรื่อง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดคลิปช่วยพรรคพลังประชารัฐปราศรัยที่จังหวัดสุโขทัย และคงจะตามมาอีกหลายแห่ง ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยตัวเป็น ๆ ขึ้นเวทีปราศรัยทิ้งทวนที่กรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคมนี้ เป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ของแกนนำพรรคและลิ่วล้อใช่หรือไม่ เพราะคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้ตื่นเต้นตามไปด้วย
มิหนำซ้ำ ยังคาดเดากันได้ไม่ยาก ในเมื่อกกต.เปิดไฟเขียววาบเสียขนาดนั้น ทางโล่งหนทางสะดวกมีหรือที่พรรคซึ่งได้เปรียบทุกประตูจะไม่ใช้ความได้เปรียบที่มี เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เป็นภาระต้องไปรับผิดชอบทางกฎหมายสำหรับผู้นำเผด็จการเท่านั้น ทั้งที่ความจริงไม่จำเป็นต้องกลัวใด ๆ ในเมื่อทำอะไรก็ได้และไม่มีใครกล้าจะตรวจสอบ
ฟังคำพูดผ่านคลิปปราศรัย ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย จะมีก็วลีเด็ด “ขอให้คุณกล้าไปกับผม” จนถูกสังคมออนไลน์นำไปล้อ ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ฝากผีฝากไข้ไว้ได้หรือไม่ ยิ่งเห็นอาการดิ้นของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ล่าสุดออกอาการคันหูที่ถูกฝ่ายการเมืองโจมตีว่าเศรษฐกิจของประเทศแย่ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่าแย่ตรงไหน
แหม ! ไม่รู้จะพูดยังไงขนาดคนที่ดูแลงานด้านนี้ยังไม่เข้าใจอีกว่ามันแย่ยังไงก็ถือว่าอาการหนักแล้ว แต่ก็ไม่แปลกเพราะคงไม่มีลิ่วล้อเผด็จการที่ไหนจะยอมรับว่า สิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมดเป็นความล้มเหลว ยิ่งได้เห็นนโยบายค่าแรง 425 บาท แล้วผู้นำเผด็จการยังร่อนสารในนามนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจเต็มเตือนพรรคการเมืองเรื่องการนำเสนอนโยบายแล้ว ยิ่งชวนให้หัวร่อหนักเข้าไปอีก
ปุดโธ่ ! นี่มันลิเกโรงไหนกันหว่า ก็พรรคที่เสนอชื่อของตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯเพิ่งเสนอนโยบายขายฝันที่อ้างว่าเป็นประชารัฐ ทั้ง ๆ ที่เป็นโคตรประชานิยม ยังมีหน้ามาเตือนพรรคการเมืองอื่นเรื่องของนโยบายและการใช้จ่ายเงินงบประมาณ หรือจะเป็นการส่งสัญญาณล้อไปกับการเปิดคลิปบนเวทีหาเสียงครั้งแรกว่า ไม่มีพรรคไหนทำได้เหมือนพรรคของตัวเองแล้วอย่างนั้นหรือ
สิ่งสำคัญคือ ถ้าหากหัวโขนของผู้นำเผด็จการมีเพียงแค่หัวหน้าคสช.และนายกฯอำนาจเต็ม โดยไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองใด อาจจะถือได้ว่าสารที่สื่อออกมานั้นเป็นความหวังดี เป็นการชี้แนะเพื่อให้ทุกพรรคได้คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล การบริหารงานที่โปร่งใส แต่ตัวเองถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียและน่าจะเป็นคนที่น่าเกลียดเสียด้วยซ้ำ เพราะเป็นกรรมการที่เขียนกติกาแต่กระโดดมาเป็นผู้เล่นเสียเอง
ทั้งหลายทั้งปวงเข้าใจกันได้ ย้ำมาตลอดบอกอยู่ทุกครั้ง เผด็จการหากไม่หน้าทนคงอยู่ไม่ได้ถึงขนาดนี้และยังจะ(ขอ)อยู่ยาวอีก 20 ปี ที่เคลื่อนไหวกันว่าประชาชนที่จะไปใช้สิทธิ์ในวันที่ 24 มีนาคมจะเป็นผู้ตัดสินอนาคตประเทศไทยนั้น หากเห็นการขับเคลื่อนขององค์กรที่บริหารจัดการการเลือกตั้งแล้ว เชื่อได้ว่าคนจำนวนไม่น้อยชักจะไม่แน่ใจกันแล้ว
เข้าใจได้ว่า เมื่อมีอำนาจมาตรา 44 ยืนเป็นเงาทะมึนอยู่เหนืออำนาจที่ตัวเองมี ถึงขั้นสามารถสั่งปลดได้ตลอดเวลา เป็นใครก็ต้องกลัว ขณะเดียวกันนอกจากดาบอาญาสิทธิ์ที่พร้อมจะใช้ลงโทษคนที่กล้าหือ 7 เสือที่ได้เข้ามากุมบังเหียนองค์กรอิสระแห่งนี้ ยังถือเป็นหนี้บุญคุณของสภาเผด็จการที่เลือกให้เข้ามานั่งหน้าสลอนกันด้วย ดังนั้น กระบวนการพิจารณาและการตัดสินคดีต่าง ๆ จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมหนักหน่วงรุนแรง
ไม่จำเป็นต้องอธิบายใด ๆ การกระทำเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจน ยิ่งหากใครได้เห็นบทสัมภาษณ์ของฝ่ายปฏิบัติการ อันมีเลขาธิการเป็นตัวนำยิ่งทำให้เห็นความหวังอันริบหรี่ของกระบวนการจัดการเลือกตั้งที่โปร่งใส เป็นธรรม หลายคำตอบมันบ่งบอกชัดว่าเป็นอาการของพวกสีข้างเข้าถู อ้างหน้าตาเฉยชนิดที่คนถามถึงกับอึ้งกันเลยทีเดียว
เหมือนกรณีโต๊ะจีนพปชร. ที่ท่านบอกว่ายุติการตรวจสอบแล้วเพราะไม่พบว่ามีต่างชาติบริจาค จนร้อนถึงคนที่ไปยื่นร้องว่า ประเด็นนี้ไม่ได้ถามทำไมตอบไม่ตรง จนคนที่เป็นประธานต้องรีบออกมาแก้ตัวว่า ยังตรวจสอบไปไม่ถึงประเด็นที่ร้องมา หวังว่าจะมีบทสรุปกันก่อนเลือกตั้งนี้ ถ้าไม่รู้จะหาทางลงอย่างไรก็ทำแบบที่ทำอยู่นี้ก็ได้ ถามวัวตอบควาย
เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผู้ซึ่งลงทะเบียนไว้ได้ออกไปใช้สิทธิกันเมื่อวันวานกันอย่างหนาตา พบมีปัญหาหลายจุด แต่จะขนาดถึงขั้นส่งผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่ ในเมื่อกกต.ยืนยันการันตีว่าทุกอย่างเรียบร้อยแม้ขลุกขลักก็คงจะไร้ปัญหา เรื่องแจกบัตรผิดเขตหรือแม้กระทั่งการลงคะแนนที่ล่วงเลยเวลาไปบ้างเพราะสภาพรถติดตรงนี้ก็คงอนุโลมกันไป ถ้าไฟเขียวจากคนที่มีอำนาจจัดการทุกอย่างก็จบ
น่าสนใจตรงที่บรรดาทหารเกณฑ์และทหารประจำการที่แห่แหนไปลงคะแนนกันจำนวนมาก เข้าใจว่าในวันเลือกตั้งจริงจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ มีการตั้งข้อสังเกตขนกันไปขนาดนั้นอยากรู้จังพรรคไหนจะได้อานิสงส์ คงไม่ต้องบอกก็เป็นอันเข้าใจกันได้ ส่วนใครที่กังขาว่าขนคนไปลงคะแนนผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าเป็นหน่วยงานราชการแล้วแจ้งต่อกกต.ไว้ก่อนหน้าถือว่าไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ข้อห่วงใยต่อมาคือหีบบัตรและบัตรเลือกตั้งที่จะนำไปจัดเก็บเพื่อรอนับพร้อมกันวันเลือกตั้งจริงปลอดภัยขนาดไหน
แจงมาจาก ณัฏฐ์ เล่าห์สีสวกุล รองเลขาธิการกกต. การขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า 2 ล้านใบ มีขั้นตอนที่รัดกุมและโปร่งใส มีเอกสารกำกับ มีสายรัดถุงบัตร หากพบร่องรอยการชำรุดเสียหาย หรือสายรัดหายไป จะถูกแทงเป็นบัตรเสียทั้งหมด ตามขั้นตอนเป็นอย่างนั้น ต้องไปดูกันเมื่อถึงวันปฏิบัติ คงต้องยอมรับความจริงว่าใครหรือองค์กรใดก็ตามหากประชาชนไม่ได้ไว้วางใจในการทำหน้าที่เสียแล้ว อธิบายเป็นหลักการยังไงความน่าเชื่อถือก็ต่ำอยู่ดี
ผลการตีความคุณสมบัติผู้นำเผด็จการไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐโดยผู้ตรวจการแผ่นดิน สร้างความกังขาให้กับหลายภาคส่วน แต่ที่ตลกและตั้งคำถามได้น่าสนใจคงเป็น “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ ที่มีคดีความกับหัวหน้าคสช.ไปจนถึงศาลฎีกาที่เจ้าตัวงงว่า การต่อสู้คดีก็แย้งว่าบิ๊กตู่ไม่ใช่เจ้าพนักงานแต่ศาลตัดสินว่าใช่ เลยไม่รู้ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินอ้างอิงสิ่งที่ใช้ตัดสินครบถ้วนหรือไม่ แต่ที่ทำเอาขำไม่ออกก็คือแล้วที่สวมชุดข้าราชการอยู่เป็นประจำนั้นสรุปผู้นำเผด็จการแต่งคอสเพลย์ใช่หรือไม่