ตลาดหุ้นกลัวการเมือง

*ก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” เคยมองเรื่อง “ตลาดหุ้น” กับ “การเมือง” เป็นคนละประเด็นกัน และไม่มีส่วนสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ เพราะในช่วงที่บ้านเมืองวุ่นวายถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง บริษัทจดทะเบียนก็สามารถประคองกิจการได้อย่างยอดเยี่ยม และยังสามารถเบ่งกำไรสวย ๆ ออกมาให้ชมกันเป็นระยะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องชมเชยความสามารถของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอย่างแท้จริงนะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” เคยมองเรื่อง ตลาดหุ้น” กับ การเมือง” เป็นคนละประเด็นกัน และไม่มีส่วนสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ เพราะในช่วงที่บ้านเมืองวุ่นวายถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง บริษัทจดทะเบียนก็สามารถประคองกิจการได้อย่างยอดเยี่ยม และยังสามารถเบ่งกำไรสวย ๆ ออกมาให้ชมกันเป็นระยะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องชมเชยความสามารถของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอย่างแท้จริงนะคะ

*อนิจจา!..สิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ตรงข้ามกับความเชื่อที่มีมานมนานหลายปี เพราะเอาเข้าจริงกลับมีแรงขายพรั่งพรูออกมาตั้งแต่เปิดตลาดภาคเช้า ทั้งที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเปิดมาเขียวปี๋กันทั้งนั้น พร้อมกับมีคำอธิบายที่เกิดขึ้นในลักษณะกังวลเลือกตั้งล่วงหน้ามีปัญหาติดขัดในหลายจุด บวกกับมีเรื่องความโปร่งใสที่หลายภาคส่วนเริ่มตั้งคำถามกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยกระทบชิ่งมายังตลาดหุ้นเต็ม ๆ พะยะค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นดัชนีทรุดตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,614.07 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 1,617.57 จุด ลบไป 8 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.84 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องเริ่มเรียนรู้สิ่งที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่แฮปปี้มีประเด็นอะไรบ้าง เพื่อจะได้วางกลยุทธ์การลงทุนได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม เพราะเที่ยวนี้เป็นการเคาะหุ้นตามอารมณ์ทางการเมืองมากกว่านะซี

*นั่นหมายความว่า หากวันเลือกตั้งจริง 24 มี.ค. มีภาพความขลุกขลักของความโปร่งใสเกิดขึ้นอีกรอบ ย่อมเป็นตัวแปรที่ทำให้นักลงทุนเร่งเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต “โมนิก้า” ถึงไม่อยากให้แมงเม่ามองอะไรที่สวยหรูกว่าความเป็นจริง เพราะเท่าที่พรายกระซิบเอาตัวเข้าไปสัมผัสในเวลานี้ ล้วนมีแต่เรื่องสร้างความหวาดหวั่นให้กับพวกจิตอ่อนทั้งนั้นนะจะบอกให้

*เตรียมตัวก่อนใครเพื่อน เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าโจมตีในลักษณะสหบาทา “โมนิก้า”  ขอตามไปดูการวางแผนอันแยบยลของ “ธนาธร” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หลังจัดการโอนทรัพย์สินให้กับ บลจ.ภัทร บริหารแทนทั้งหมด และงดซื้อหุ้นไทยทุกตัว ป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน ผนวกกับ “นางสมพร” (มารดา) เตรียมขายหุ้น MATI ที่ถือไว้ทั้งหมด 35.83 ล้านหุ้น หรือ 19.33% ออกไปทั้งหมด (ใครจะมารับซื้อล่ะ) เพื่อความสบายใจของสังคม เดี๊ยนมองเป็นเกมชิงมวลชนธรรมดาของคนที่โดดเข้ามาเล่นการเมืองเต็มตัวเท่านั้น..อิอิอิ

*หุ้นอีกรายที่แสดงอาการกลัวสุดขีด “โมนิก้า” คงต้องพุ่งเป้าไปยังร้านสะดวกซื้อ CPALL หลังได้เห็นนโยบายค่าแรงขั้นต่ำจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 425 บาท แรงเทขายก็พรั่งพรูออกมาแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก จนฉุดราคาหุ้นลงมาปิดที่ 74.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.61 พันล้านบาท หลังประเมินภาพคร่าว ๆ แล้วเจอว่าเรื่องดังกล่าวกระทบกำไรของบริษัทเต็ม ๆ ไงล่ะคะ

*อีกหนึ่งรายที่โดนด้วยไปเต็ม ๆ คงหนีไม่พ้น KCE เพราะลำพังแค่เบ่งกำไรในแต่ละไตรมาสให้ออกมาดีกว่างวดก่อนก็แทบลากเลือดอยู่แล้ว จู่ ๆ มีเรื่องขึ้นค่าแรงเข้ามากระหน่ำอีกรอบ หุ้นถึงทรุดหลุดฐานแนวรับสำคัญบริเวณ 25 บาทลงมาอย่างง่ายดาย (อุตส่าห์ประคองตัวได้นานถึง 4 เดือนครึ่ง) ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 24.20 บาท ลบไป 1.05 บาท หรือลงไป 4.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 371 ล้านบาทแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่า ไอ้เสือถอย !

*เช่นเดียวกับในรายของ SEAFCO ว่ากันว่า ลำพังภาครัฐกว่าจะดันงบเบิกจ่ายออกมาแต่ละทีก็ยากลำบากแสนเข็ญเหลือเกิน ดันมาเจอเรื่องขึ้นค่าแรงเข้าอีกดอกแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ เลยทำให้สถานการณ์ของหุ้นตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ลงไปอีก แถมในอดีตเคยมีตัวอย่างให้เห็นเต็มสองลูกตามาแล้ว “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่วานนี้เห็นหุ้นซึมตัวลงมาปิดที่ 7.75 บาท ลบไป 0.05 บาท ด้วยมูลค่า 18 ล้านบาท และเมื่อย้อนดูช่วงเดือน ธ.ค. 2561 หุ้นอยู่แถว 10 บาท เลยทำให้เชื่อว่าหุ้นคงฟื้นตัวยากแล้วล่ะคะ

*คล้ายคลึงกับกรณีของหุ้น QH โดนขายออกมาสักระยะหนึ่งเห็นจะได้ พร้อมกับมีความวิตกกังวลเรื่องต่าง ๆ เข้ามาไม่หยุดหย่อน จนล่าสุดมีข่าวเม้าท์ออกมาในทำนองที่ว่า นี่เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่อาจได้รับผลกระทบเรื่องดังกล่าว เลยมีแรงเทขายไหลออกมาอีกล็อต จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 2.90 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 160 ล้านบาท กลายเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะลงมาหาฐานเก่าบริเวณ 2.60 บาทอีกรอบจ้า!

*เม้าท์ถึงเรื่องฐานเก่าขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” เลยถือโอกาสหันมามองหุ้น TKN เพื่อบอกเล่าความน่าจะเป็นที่หุ้นจะทรุดตัวลงไปยังบริเวณ 7 บาทอีกรอบนั้น เกิดจากหุ้นโดนเทขายจนหลุดเส้นแนวรับทุกเส้นลงมาอย่างง่ายดาย ผสมโรงกับแมงลือเม้าท์ถึงตัวเลขไตรมาส 1 ไม่ปังอย่างที่หวัง วานนี้จึงมีแรงเทขายกดหุ้นลงมาปิดที่ 9.60 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 290 ล้านบาทนะจะบอกให้

Back to top button