SGP ส่งซิกกำไรทั้งปีโตกระฉูด รับยอดขายทะลัก เล็งลงทุนคลังก๊าซ LPG ในบังคลาเทศเพิ่ม

SGP ส่งซิกกำไรทั้งปีโตกระฉูด รับยอดขาย LPG ทะลัก เล็งลงทุนคลังก๊าซ LPG ในบังคลาเทศเพิ่ม


นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า แนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2562 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปริมาณการขายซึ่งจะมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้าเติบโตไว้ราว 10% เนื่องจากบริษัทได้ขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ๆ พร้อมด้วยออเดอร์จากลูกค้ารายเดิมที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากคลังแก๊สที่มีกระจายอยู่ในหลายประเทศ และระบบโลจิสติกที่มีอยู่ ยังคงมีความสามารถในการรองรับหากมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามา ขณะที่ยอดขายต่างประเทศยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการ LPG ในภูมิภาคเอเชียที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง

อย่างไรก็ดี ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ราคา LPG ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 460 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน โดยคาดว่าทั้งปีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 550-650 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงกว่าราคาเฉลี่ยทั้งปีของปี 2561 ที่ราคา LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 540 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ในประเทศบังคลาเทศ เพิ่มเติม เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบการลงทุน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงกลางปี 2562 ปัจจุบันสยามแก๊สฯ มียอดขายแก๊สที่ขายในบังคลาเทศแล้ว ในลักษณะของการขายส่งเป็นลำเรือ โดยปีนี้คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ราว 30,000 – 40,000 ตัน/เดือน

 “จากปริมาณขายก๊าซ LPG ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศ บริษัทได้วางแผนที่จะขยายกองเรือเพิ่มขึ้น โดยปีนี้มีแผนซื้อเรือบรรทุกก๊าซขนาดใหญ่ (VLGC) จำนวน 1 ลำ และเรือบรรทุกก๊าซขนาดเล็กเพิ่มอีก 2-3 ลำ เพื่อใช้สำหรับขนส่งก๊าซ  LPG ระหว่างประเทศ เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของสยามแก๊สฯ และคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2562 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้เป็นผลจากราคา LPG มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4/2561 ที่ราคาปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทในปี 62 ยังคงเน้นการขยายธุรกิจก๊าซแอลพีจีในต่างประเทศ และพิจารณาถึงโอกาสในการทำธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆด้วย อาทิเช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้า และธุรกิจแอลเอ็นจี เป็นต้น ในการเพิ่มรายได้และกำไรที่มีความสม่ำเสมอให้มากขึ้น” นายศุภชัย กล่าว

โดยสิ้นเดือนมี.ค.หรือต้นเดือนเม.ย. 2562 นี้ เตรียมเปิดให้บริการคลังก๊าซ LPG ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และยังเตรียมลงทุนคลังก๊าซ LPG ในประเทศอินโดนีเซีย ในปีนี้หลังจากมีความล่าช้ามานาน ขณะนี้เริ่มเห็นความชัดเจนแล้ว และมีโอกาสที่จะเริ่มลงทุนภายในปี 2562 นี้

พร้อมกันนี้ บริษัทได้มีการรับรู้กำไรจากการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ดำเนินการจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้งสองแห่ง เนื่องจากเมียนมายังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นไปตามการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานในประเทศ ปัจจุบันบริษัทรับรู้กำไรปีละ 200-300 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเสริมให้บริษัทมีกำไรสม่ำเสมอ

Back to top button