SUTHA มั่นใจผลงานปี 62 โต รับรู้รายได้“สระบุรีปูนขาว”-เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง

SUTHA มั่นใจผลงานปี 62 โต รับรู้รายได้ “สระบุรีปูนขาว”-เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง


นายไมเคิล แมค แคนนอน ผู้บริหารอาวุโสสายงานการเงิน บุคคล และบริหาร บริษัท สุธากัญจน์ จำกัด (มหาชน) หรือ SUTHA เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 62 จะเติบโตเมื่อเทียบกับปี 61 ที่มีรายได้ 1.12 พันล้านบาท หลังจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีจากการเข้าซื้อกิจการบริษัท สระบุรีปูนขาว จำกัด ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/61

แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตอาจจะไม่มากนักเนื่องจากในปีนี้มีโรงงานปูนขาวแห่งใหม่เกิดขึ้นในสปป.ลาว กำลังการผลิต 100,000 ตัน/ปี ซึ่งบริษัทไม่มีนโยบายแข่งขันด้านราคา จึงเน้นรักษาปริมาณการขายไว้ที่ 400,000 ตัน จากกำลังการผลิตรวมของบริษัทอยู่ที่ 450,000 ตัน/ปี

ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 62 ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ปูนขาวเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเหล็กที่เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี และเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มด้วย

“เรามองว่าในปีนี้รายได้ยังมีการเติบโต แต่ยังคงคาดเดาได้ยาก เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นในตลาด ซึ่งเราเองไม่ได้มีนโยบายการแข่งขันด้านราคา เบื้องต้นเราจึงมีเป้าหมายที่จะรักษาผลประกอบการของบริษัทไว้ที่ใกล้เคียงกับปีก่อนไว้ก่อน” นายไมเคิล กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเน้นการเพิ่มสัดส่วนส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกไม่เกิน 10% ไปยัง สปป.ลาว กัมพูชา ออสเตรเลีย และเกาหลี และอยู่ระหว่างศึกษาการขยายตลาดไปยังไต้หวันที่มีความต้องการปูนขาวมาก แต่มีปูนขาวที่มีคุณภาพไม่มากนัก โดยปัจจุบันไต้หวันนำเข้าปูนขาวจากเวียดนามและมาเลเซียเป็นหลัก ขณะที่บริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีมาจากบริษัทแม่อย่าง Carmeuse ที่จะเข้ามาช่วยขยายตลาดให้กับบริษัท

สำหรับแผนการเข้าซื้อกิจการบริษัทยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีการเจรจาดีลที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดต่าง ๆ ได้ ซึ่งหากมีความชัดเจนจะมีการแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯทันที โดยบริษัทมีนโยบายการที่จะทำให้ธุรกิจเติบโดด้วยการเข้าซื้อกิจการ และการเพิ่มยอดขาย

นายไมเคิล กล่าวเพิ่มว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ราว 60-70 ล้านบาท เพื่อที่จะลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ เพื่อที่จะนำไฟฟ้าเข้ามาใช้ในโรงงานทั้งหมด โดยคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ราว 9 ล้านบาทต่อปี

Back to top button