AEONTS ราคาปัจจุบันค่อนข้างถูกกูรูแนะ “ซื้อ” มองกำไรปีนี้ 2.78 พันลบ.
บล. ทรีนีตี้ แนะนำซื้อ AEONTS ให้ราคาเป้าหมายปี 2558 ที่ 130 บาท อิง Justified PER ที่ 12 เท่า แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Forward PER เพียง 8.5 เท่า ถือว่าค่อนข้างถูก
บล. ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (30 มิ.ย.) ว่าบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/58 (ปิดงบ 20 พ.ค.) ที่ 523 ล้านบาท หดตัว 11% ทั้งจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อนเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าประมาณ 10% สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ Cost-to-income ratio มาอยู่ที่ 43.1% จาก 39.7% ในไตรมาสก่อน โดยหลักเป็นค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสาขา พัฒนาระบบงาน และขยายธุรกิจในต่างประเทศ
ด้านสินเชื่อกลับมาเติบโตในระดับปกติได้ราว 1.43% จากไตรมาสก่อนหลังไตรมาสก่อนชะลอลงไปเนื่องจากต้นปีเป็นช่วงที่ลูกค้ามักชำระคืนหนี้ ขณะที่ Spread ลดลงจาก 23% ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ราว 22% แม้ว่าต้นทุนทางการเงินจะลดลงตามดอกเบี้ยนโยบาย เพียงแต่ด้านรายได้ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง ซึ่งคาดว่าเกิดจากสินเชื่อบัตรกดเงินสดเติบโตได้น้อยกว่าบัตรเครดิต
โดยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน และสัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำมากกว่า ทำให้อัตราผลตอบแทนโดยรวมของสินเชื่อลดลง ทั้งนี้เริ่มเห็นการปรับตัวลดลงของ NPL จาก 3.4% ในไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 3.3% ในไตรมาสนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญลดลงเหลือเพียง 1,155 ล้านบาท คิดเป็น Credit Cost ที่ 8.12% จากในไตรมาสก่อนที่ 8.75% และจากช่วง 2Q57 ที่ต้องตั้งสำรองสูงถึง 10.4% ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิสำหรับปี 2558 ที่ 2,780 ล้านบาท ซึ่งกำไรในไตรมาสแรกที่ประกาศออกมาคิดเป็นเพียง 19% ของประมาณการที่ทำไว้ โดยคาดว่าธุรกิจในประเทศมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมาได้ โดยเฉพาะด้านสำรองหนี้สูญที่จะลดลง ขณะที่ธุรกิจในกัมพูชาคาดว่าจะเริ่มขยายฐานบัตรเครดิตได้ ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามเรายังจับตาดูทิศทางเศรษฐกิจในประเทศที่ยังมีความอ่อนไหว ทั้งในด้านการท่องเที่ยวที่อาจถูกกระทบจากประเด็น ICAO และ MERS รวมถึงรายได้ภาคการเกษตรที่อาจถูกกระทบจากภาวะภัยแล้ง
ขณะที่ให้ราคาเป้าหมายปี 2558 ที่ 130 บาท อิง Justified PER ที่ 12 เท่า แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Forward PER เพียง 8.5 เท่า ถือว่าค่อนข้างถูก และหากในกรณีที่เลวร้ายผลประกอบการในครึ่งปีหลังไม่ฟื้นตัว และกำไรสุทธิอาจทำได้เพียงทรงตัวจากปีก่อน ระดับ Forward PER ก็ยังต่ำเพียง 9.7 เท่า ซึ่งไม่ว่าอย่างไรมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับมี Downside ที่ต่ำมากแล้ว