BAY ปักธง ‘รีดค่าฟี’
เป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียมลูกค้ารายใหญ่จาก 30% เป็น 40% นั่นเป็นจุดชี้วัดได้ระดับหนึ่งว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กำลังประสบปัญหารายได้จากดอกเบี้ย การเติบโตเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น จะด้วยตัวเลขสินเชื่อที่โตแบบชะลอตัว หรือการแข่งขันสูงจนนำมาซึ่งมาร์จิ้นต่ำลงนั่นเอง
สำนักข่าวรัชดา
เป้าหมายรายได้ค่าธรรมเนียมลูกค้ารายใหญ่จาก 30% เป็น 40% นั่นเป็นจุดชี้วัดได้ระดับหนึ่งว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กำลังประสบปัญหารายได้จากดอกเบี้ย การเติบโตเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น จะด้วยตัวเลขสินเชื่อที่โตแบบชะลอตัว หรือการแข่งขันสูงจนนำมาซึ่งมาร์จิ้นต่ำลงนั่นเอง
ผู้บริหาร BAY ประกาศชัดว่า จะผลักดันสัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ เพิ่มขึ้นเป็น 40% ภายในปี 2563 ปัจจุบันอยู่ที่ 30% ด้วยการเสนอบริการต่าง ๆ เพื่อ “รีดค่าฟี” จากลูกค้า .!! อาทิ บริการด้าน Transaction Banking, บริการด้าน Digital Platform, บริการด้านประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนหรืออื่น ๆ ที่ตามแต่ลูกค้าต้องการ..!!
การทำดีลจับคู่สมรสทางธุรกิจ (M&A) ให้ลูกค้าผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เป็นอีกหนึ่งขาของการได้มาซึ่ง “ค่าฟี” ด้วย ปัจจุบัน BAY มีลูกค้าเพื่อดีล M&A อยู่จำนวนไม่น้อย ทั้งธุรกิจโรงแรม, โรงพยาบาล ที่อยู่ระหว่างเจรจาดีล M&A แต่ละดีลมีมูลค่าอยู่ประมาณ 10,000-30,000 ล้านบาท
ส่วนจะได้ “ค่าฟี” เท่าไร..! ลองดีดลูกคิดกันไปพราง ๆ ก่อนได้เลย..!!
เท่านั้นยังไม่พอ BAY ประกาศกร้าวว่าจะเบียดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 เพื่อหายใจรดต้นคอธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ของผู้รับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นกู้..จากปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์..แช่อยู่แถว ๆ ระดับ 12-13%
แต่…จากโปรไฟล์ช่วงที่ผ่านมา…ดูไม่เลวเลยทีเดียว..ทั้งเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ในนามกลุ่มไทยเบฟเวอเรจฯ และกลุ่มไมเนอร์ กรุ๊ป ของฝรั่งอย่าง “วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค” ที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดย BAY หมายมั่นปั้นมือว่า ธุรกิจการรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ปีนี้จะมีมูลค่าสูงกว่าปีก่อนที่ 107,000 ล้านบาท
จึงน่าสนใจว่า “ยุทธศาสตร์รีดค่าฟี” ครั้งนี้ BAY จะช่วยผลักดันตัวเลขรายได้และกำไรจากส่วนนี้ ไปชดเชยรายได้จากดอกเบี้ย ที่มีโอกาสหดหายหรือลดน้อยถอยลงในอนาคตที่ไม่ไกลจากนี้..ได้หรือไม่..!!
สิ่งที่บ่งบอกชัดเจนตอนนี้คือ “ธุรกิจธนาคาร” ไม่ได้หอมหวานดั่งวันวานอีกแล้ว
แต่ทว่า..ธนาคารไหนจะถึงขั้น “ขมขื่นกลืนระทม” กันบ้าง
เดี๋ยวไม่นานคงจะได้รู้กัน..!!????
…อิ อิ อิ..