DOD ดึงมือหนึ่งมาร์เก็ตติ้งร่วมทัพ รุกตีตลาดขายอาหารเสริมออนไลน์ต่อยอดธุรกิจ

DOD ดึงมือหนึ่งมาร์เก็ตติ้ง "กอล์ฟ อัครนันท์" รุกตีตลาดขายอาหารเสริมออนไลน์ต่อยอดธุรกิจ


นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯมีการประกาศปรับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 ที่ผ่านมา โดยจะมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ครบวงจรแบบ One Stop Service Solution ต่อประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯเดินเกมรุก เพื่อต่อยอดจิ๊กซอว์ทางธุรกิจ โดยการผนึกพันธมิตร มาร่วมเป็น Strategic Partner ในการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ในอนาคต

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติ จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อร่วมลงทุนในการพัฒนาและการผลิตผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เครื่องสำอางและเสริมอาหาร รวมถึงการสร้างแบรนด์ดิ้ง ตลอดจนการเพิ่มช่องทางการตลาด ในการขยายธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์และรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า

โดยบริษัทร่วมทุน ดังกล่าว DOD จะถือหุ้น 51% ส่วนอีก 49% ถือหุ้นโดย นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ ซึ่งเป็นผู้บริหารมือฉมัง ด้านการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และสกินแคร์ ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ช่องทางตลาดออนไลน์ จนเคยทุบสถิติสร้างยอดขาย ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน มีรายได้ 300 ล้านบาท ติดอันดับ TOP 5 ของประเทศไทย มาแล้ว

สำหรับการที่บริษัทฯ ดึงพันธมิตรดังกล่าวเข้ามาร่วมเป็น Strategic Partner เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่คร่ำหวอด ในการเป็นผู้นำด้านการวางกลยุทธ์การตลาด รวมถึงการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว และถือเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการตลาดออนไลน์ ที่มีตัวแทนขาย  ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 100,000 ราย

พร้อมทั้งยังมีทีมซัพพอร์ต ตัวแทนขาย ไปยังช่องทางต่างประเทศ อาทิ สปป.ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย  ญี่ปุ่น จีน  ออสเตรเลีย และยังมีกลุ่มศิลปิน ดารา นักแสดง  ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ และพรีเซ็นเตอร์ ในการช่วยขยายช่องทางการตลาด ในการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางและสกินแคร์ ที่ครบวงจร จนเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในเรื่องของการสร้างสถิติยอดขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จนเป็นที่ยอมรับ

ดังนั้น จากจุดแข็งที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น  ผนวกกับการที่พันธมิตรดังกล่าว เข้ามาช่วยบริหารงาน ภายใต้บริษัทย่อย ในครั้งนี้ จะเป็นการขยายกลยุทธ์ ทางการตลาดในเชิงรุก ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ DOD ให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการ One Stop Service Solution ได้ในระยะเวลาอันใกล้

สำหรับการจัดตั้งบริษัทย่อย เบื้องต้นคาดว่า จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2562 นี้ และหลังจากนั้น พันธมิตรรายดังกล่าว จะเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้า และทยอยเริ่มส่งออเดอร์ลูกค้าที่มีอยู่ในมือทั้งหมด รวมถึงหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาให้ทาง DOD และ PCCA เป็นผู้ผลิตทั้งหมดเพียงรายเดียวในประเทศ  ซึ่งดีลในรูปแบบนี้ ถือเป็นดีลที่เรียกได้ว่าเป็น เอ็กซ์คลูซีฟ ซัพพลายเออร์ อย่างมาก เพราะต้องยอมรับว่า ดีลประเภทนี้ จะไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก ที่จะมีการโยกออเดอร์ของคู่ค้าทั้งหมด มาส่งให้ผู้ผลิตเพียงรายเดียว ดังนั้นจึงคาดว่า DOD และ PCCA จะมียอดออเดอร์ทยอยเข้ามาตั้งแต่ปลายช่วงไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไป ซึ่งก็ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างเร็วที่สุดปลายไตรมาส 2 หรือ ต้นไตรมาส3/2562

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า โอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการควบคุมคุณภาพการผลิตที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล ของ DOD ที่มีการการันตีความน่าเชื่อถือ ภายใต้มาตรฐาน ISO22000:2005, HACCP, GMP Codex และ HALAL และมีการยกระดับการผลิต โดยการผลิตในห้อง Clean Room ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตเดียวกับการผลิตยา มาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  จึงทำให้วันนี้ DOD มีพันธมิตรทยอยมาขอเจรจาในการร่วมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

โดยในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมยังมีมติ ขอซื้อที่ดินเพิ่ม ซึ่งอยู่บริเวณติดกับที่ตั้งอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมอยู่เจริญ-ท่าจีน ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร พื้นที่ประมาณ 24 ไร่  เพื่อรองรับขยายการลงทุน ในการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และ ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ โดยผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ซึ่งบริษัทฯได้เล็งเห็นโอกาส การเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีความต้องการที่จะหันมาเจาะตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์

ล่าสุด บริษัทฯได้มีการเจรจากับพันธมิตร ซึ่งเป็นบริษัทยา รายใหญ่ในประเทศ และได้ทำการศึกษา วิจัย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ ในรูปของ “ผงชงดื่ม” ร่วมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วย อาทิ ผู้ป่วยโรคตับ และผู้สูงอายุ เพราะอาหารทางการแพทย์ จะสามารถเข้าไปช่วยทดแทนสารอาหารที่ขาดหายไป ให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ทั้งพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุและวิตามินต่างๆในปริมาณที่เหมาะสม

สำหรับ วัตถุประสงค์หลักที่ DOD มองเห็นโอกาสในการขยายไลน์การผลิต มาผลิตผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์นั้น เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทย ยังคงพึงพาการนำเข้าอาหารทางการแพทย์ จากต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง และยังต้องแบกรับกับต้นทุนราคาที่สูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ในปัจจุบัน ประเทศไทย                    มีผู้ประกอบการที่ผลิตอาหารทางการแพทย์ เพียงรายเดียว ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วยทั่วประเทศ จนส่งผลให้ในบางครั้งอาหารทางการแพทย์ขาดตลาด และจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ DOD เล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด จึงผุดโปรเจค เพื่อพัฒนาขยายไลน์การผลิต เพื่อเจาะตลาดผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ สำหรับรองรับความต้องการบริโภคในผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ของผู้ป่วย

ทั้งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ที่ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ DOD ยังได้แตกไลน์ธุรกิจ ของ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภทน้ำ เพิ่มเติมขึ้นอีก เพื่อเพิ่มช่องทางความหลากหลายของสินค้าให้กับลูกค้า ได้มีทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าหาก DOD ได้มีการขยายไลน์ผลิต สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้ง อาหารทางการแพทย์ และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประเภทเครื่องดื่ม ได้แล้วเสร็จ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับบริษัทฯในอนาคต และจะตอบโจทย์ ในการเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ครบวงจรแบบ One Stop Service Solution ได้อย่างมีนัยสำคัญ

Back to top button