TPCH คาดผลประกอบการปีนี้ตามเป้า มั่นใจปีนี้ได้รับสัญญา PPA เพิ่มจำนวน 30-50 MW
TPCH เผยโรงไฟฟ้าชีวมวล “มหาชัย กรีน เพาเวอร์”-“ทุ่งสังกรีน” ได้เซ็นสัญญา PPA แบบ Feed-in Tariff แล้ว เผยโรงไฟฟ้าชีวมวล “แม่วงก์ เอ็นเนอยี่” ขนาดกำลังการผลิต 8MW เริ่มจำหน่ายไฟภายในเดือนก.ค.นี้ มั่นใจปีนี้ได้รับสัญญา PPA เพิ่มจำนวน 30-50MW
นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/58 บริษัทคาดจะกลับมาอยู่ในระดับปกติที่ 60-66 ล้านบาท หลังจากไตรมาสที่ผ่านมาหยุดบำรุงรักษาเครื่องจักร 8 วันสอดรับกับการซ่อมบำรุงสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แต่ก็มีรายได้จากการขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า 1 แห่ง คือโรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรกไบโอเพาเวอร์ (CBR) เข้ามาสนับสนุน และการหยุดซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรใช้ระยะเวลาน้อยกว่าไตรมาสที่ผ่านมา
ขณะที่ผลประกอบการทั้งปีนี้ยังคาดว่าจะออกมาตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ คือ เติบโต 30-40% จากปีก่อนที่ทำได้ 258.26 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะได้รับสัญญา PPA ในปี 58 เพิ่มจำนวน 30-50 เมกะวัตต์ และในปี 2560 จะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ และในปี 62-63 จะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 200 เมกะวัตต์อย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ในระยะ 3 ปีครึ่ง ดังนั้นจะส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด
ทั้งนี้โรงไฟฟ้าชีวมวล มหาชัย กรีน เพาเวอร์ (MGP) และโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน (TSG) ได้เซ็นสัญญา PPA แบบ Feed-in Tariff เรียบร้อยแล้ว ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล แม่วงก์ เอ็นเนอยี่ (MWE) ที่จ.นครสวรรค์ จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเป็นครั้งแรกด้วยกำลังการผลิตตามสัญญา 8 เมกะวัตต์ ภายในเดือน ก.ค.58 โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะเป็นแห่งแรกที่ขายไฟฟ้าด้วยระบบ FiT แทนที่ระบบ Adder
โดย TPCH ได้รับใบอนุญาต หรือ ใบตอบรับซื้อไฟฟ้า ครบแล้ว 6 โครงการ (อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 แห่ง) โรงไฟฟ้าอีก 2 แห่ง MGP และ TSG ก็ได้เซ็นสัญญา PPA แบบ Feed-in Tariff เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่โครงการใหญ่ แห่งที่ 7 ที่ จ.ปัตตานี 42 เมกะวัตต์ เฟส 1 อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งบริษัทมั่นใจมากว่าจะได้รับการอนุมัติ เนื่องจากระบบสายส่งมีความพร้อมและอยู่ในพื้นที่ขาดแคลนไฟฟ้าอีกด้วย ขณะที่แผนส่วนเพิ่ม 50 เมกะวัตต์ บริษัทเริ่มงานด้านมวลชนแล้ว 3 แห่ง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากความสำเร็จของโครงการ CBR ทำให้ตอนนี้บริษัทมีสัญญา PPA ในมือแน่นอนแล้วทั้งหมดประมาณ 80 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการได้รับสัญญา PPA ต้องเข้าสู่การประมูล ซึ่งจะมีความชัดเจน ภายในปลายเดือน ก.ค.58 จากข้อมูลเบื้องต้นในการเปิดประมูลในครั้งนี้ เป้าหมายพลังงานทดแทนมาจาก 3 กลุ่มด้วยกัน 1) ชีวมวล 2) ชีวภาพ 3) ลม ซึ่งชีวมวลได้ถูกกำหนดให้ความสำคัญเป็นอันดับที่ 1 ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของบริษัท
โดยการเติบโตของบริษัทเป็นการเติบโตที่เป็นไปได้จริง เนื่องจากได้รับใบอนุญาตและดำเนินการก่อสร้างแล้ว จึงวางเป้าหมายที่จะเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใหญ่ที่สุดทางภาคใต้ ซึ่งบริษัทมีกลุ่มพันธมิตรที่พร้อมจะเติบโตไปตามเป้าหมายที่บริษัทได้วางไว้ ส่วนทั้งปีนี้ก็มั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 30-40% จากปีก่อนที่ทำได้ 258.26 ล้านบาท