ดูที่ผลงาน
*ก่อนอื่นต้องบอกให้นักลงทุนเข้าใจตรงกันว่า เดี๊ยนจั่วหัวข่าวว่าด้วยเรื่อง “ดูที่ผลงาน” ไม่ได้มีเจตนาให้นักลงทุนมีอารมณ์คล้อยตามไปกับเรื่องการเมืองที่กำลังดุเดือดเลือดพล่านในเวลานี้หรอก ! เพราะอยากให้นักลงทุนพุ่งเป้าไปที่เรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ยังไม่มีตัวไหนโดดเด่นเข้าตากรรมการแบบเต็ม ๆ จึงต้องเคาะขวาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองถลำลึกลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่เจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ก่อนอื่นต้องบอกให้นักลงทุนเข้าใจตรงกันว่า เดี๊ยนจั่วหัวข่าวว่าด้วยเรื่อง “ดูที่ผลงาน” ไม่ได้มีเจตนาให้นักลงทุนมีอารมณ์คล้อยตามไปกับเรื่องการเมืองที่กำลังดุเดือดเลือดพล่านในเวลานี้หรอก ! เพราะอยากให้นักลงทุนพุ่งเป้าไปที่เรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ยังไม่มีตัวไหนโดดเด่นเข้าตากรรมการแบบเต็ม ๆ จึงต้องเคาะขวาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองถลำลึกลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่เจ้าค่ะ
*เนื่องจากข้อมูลที่ “โมนิก้า” ได้ยินมากเหลือเกินก่อนปิดงวดบัญชีไตรมาส 1 ล้วนเป็นเรื่องของกำไรที่หายไปมากถึง 10% เลยทีเดียว จึงอยากให้นักเล่นเลือกมองเฉพาะหุ้นบางตัวที่สามารถทานกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเป็นลำดับแรก หรืออาจใช้วิธีทยอยเก็บหุ้นสะสมในกลุ่มปันผลดีไว้ในพอร์ตเยอะ ๆ ก็ดีไม่ใช่น้อย เพราะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้พอร์ตหุ้นเซฟสุดในยุคที่ทุกอย่างยังดูอึมครึมนะจะบอกให้
*ประกอบกับเหลือบดูมูลค่าการซื้อขายที่ไม่หนาแน่นเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ “โมนิก้า” เลยมั่นใจขึ้นไปอีกขั้นว่า ฐานแนวรับเที่ยวนี้ยังไม่มั่นคงอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,629.40 จุด ลบไป 2.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.12 หมื่นล้านบาท ก็เป็นช็อตเดิม ๆ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เลยไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยพะยะค่ะ
*ขนาดหุ้นที่กองทุนชอบเคาะขวากันหนุบหนับอย่าง CPALL ยังเป๋ไม่เป็นขบวนมาร่วมสัปดาห์ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นหุ้นพยายามยกตัวขึ้นจากฐานแนวรับ 73 บาท เพราะมันเป็นฐานแนวรับสุดท้ายที่หุ้นจะหลุดลงไปไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นจะทำให้โพสิชั่นของหุ้นกลายเป็นขาลงเต็มตัวอีกครั้ง เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นมองการยืนปิดที่ระดับ 74.25 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.84 พันล้านบาท เป็นจังหวะที่ต้องไหลตามเกมหรือเปล่า ? และผลงานที่เม้าท์กันจะออกมาดี..สมราคาคุยหรือเปล่า ?
*ส่วนรายที่สมราคาคุยแน่ ๆ “โมนิก้า” ขอยกให้กับหุ้น GULF เอาตำแหน่งนี้ไปครองแบบไร้คู่แข่ง หลังราคาหุ้นวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายขึ้นไปทำ all time high ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 95.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 923 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้รู้ว่า สถานการณ์ของหุ้นตัวนี้คงไม่หยุดอยู่แค่ 100 บาทเสียแล้วกระมัง ! งานนี้เลยขึ้นอยู่กับนักเล่นมองเหมือนเดี๊ยนอะป่าว !
*เช่นเดียวกับในรายของ VGI ที่ควักเงินก้อนโตเข้าไปลงทุนในบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ กลายเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นกระโจนใส่หุ้นตัวนี้อุตลุด จนราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 8.40 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 6.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 338 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการสร้างแวลูทางอ้อมในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามดูอย่างใกล้ชิด เพราะเขาเม้าท์กันว่า เมื่อผนึกกันเป็นที่เรียบร้อย เขาคือเจ้าใหญ่แห่งวงการนี้เลยเจ้าค่ะ
*สำหรับในรายของพาร์ตเนอร์หลักอย่าง PLANB ย่อมได้รับอานิสงส์จากการเข้าไปรวมตัวกับสื่อยักษ์ใหญ่ครบวงจรด้วยเช่นกัน (win-win) “โมนิก้า” ถึงอยากให้มองหุ้นตัวนี้ในระยะยาวให้ดีเป็นพิเศษ หลังเคยเห็นปรากฏการณ์ราคาหุ้นวิ่งกระฉูดที่เกิดขึ้นกับ MACO มาแล้วกับตาทุกคน เดี๊ยนถึงรับได้กับการที่หุ้นของ “น้องบี” ยืนปิดที่ระดับ 6.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ไงล่ะคะ
*ในเมื่อต้องมองกันยาว ๆ ขึ้นมาทั้งที และกำลังเม้าท์ถึงหุ้นที่ผลงานแจ่มแบบเสมอต้นเสมอปลาย “โมนิก้า” คงต้องหันไปมองหุ้นสุดเลิฟอย่าง EA เพื่อทำให้เห็นพัฒนาการของรถยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่กำลังอยู่ในเส้นทางที่สวยหรู แถมปีหน้าส่งมอบรถเบาะ ๆ 3,500 คัน ย่อมทำให้นักเล่นที่เน้นลงทุนยาว ๆ มองแวลูที่เกิดขึ้นกับโรงงานแบตเตอรี่ได้ทะลุปรุโปร่ง และทำให้ราคาปิดเสมอตัว 48.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 385 ล้านบาท กลายเป็นโอกาสอีกด้วยนะจ๊ะ
*อีกหนึ่งรายที่ค่อนข้างโดดเด่นไม่เป็นสองรองใครในเรื่องการเติบโต เดี๊ยนคงต้องมองไปที่หุ้น MTC เป็นลำดับถัดไปในทันที เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า เศรษฐกิจไม่ดี..คนก็ต้องใช้เงิน เศรษฐกิจดี..คนยิ่งใช้เงิน แถมในไตรมาส 2 เป็นช่วงของการเปิดเทอมพอดี ความต้องการใช้เงินก็เลยเพิ่มขึ้นไปอีก เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 45.25 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 214 ล้านบาท กลายเป็นช็อตของการเก็บหุ้นแบบไม่มีข้อแม้เจ้าค่ะ
*ก่อนจากกัน “โมนิก้า” ขอหันไปดูดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง KWM สักนิดหนึ่ง หลังมีมือดีเข้ามาดันหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตูตั้งแต่เช้า จนราคาหุ้นขึ้นมาถึงระดับ 1.35 บาท ก่อนจะอ่อนตัวเป็นขี้ผึ้งลนไฟแบบไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า จนสุดท้ายปิดตัวไปที่ระดับ 1.27 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 92 ล้านบาท เลยทำให้เดี๊ยนมองเป็นเรื่องของการลากไปเชือดธรรมดา ๆ ..คุณ ๆ คิดเหมือนเดี๊ยนไหมเอ่ย!