STEC วอลุ่มแน่น-บวกกว่า 2% รับการเมืองชัดเจนหนุนโครงการรัฐเดินหน้าตามแผน
STEC วอลุ่มแน่น-บวกกว่า 2% รับการเมืองชัดเจนหนุนโครงการรัฐเดินหน้าตามแผน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ณ เวลา 15.33 น. อยู่ที่ระดับ 24 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.13% สูงสุดที่ระดับ 24.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 916.32 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น STEC ปรับตัวพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงบ่ายของวันนี้ ภายหลังมีความชัดเจนในเรื่องการเมือง จากจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้แถลงผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพรรคที่ได้อันดับ 1 คือ พลังประชารัฐ 8,433,060 คะแนน, อันดับ 2 เพื่อไทย 7,920,561 คะแนน, อันดับ 3 อนาคตใหม่ 6,265,918 คะแนน, อันดับ 4 ประชาธิปัตย์ 3,947,702 คะแนน และอันดับ 5 ภูมิใจไทย 3,732,940 คะแนน
ขณะเดียวกัน พบว่า ราคาหุ้น บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI อยู่ที่ระดับ 6.05 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.83% สูงสุดที่ระดับ 6.10 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.95 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52.33 ล้านบาท
ด้าน นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น STEC ที่ 31 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าธุรกิจมั่นคงด้วยงานในมือที่สูงถึง 1.14 แสนล้านบาท และมีโอกาสได้งานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า (STEC ถือหุ้น GULF 1.88%) ฐานะเป็นเงินสดสุทธิ 6.6 บาทต่อหุ้น ด้านฐานะการเงินแกร่ง คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น 22% เป็น 1.58 พันล้านบาท ปัจจุบันมี PE ที่ 22 เท่า คิดเป็น PEG ที่ 1 เท่า ต่ำกว่าในอดีตที่ 1.3-1.5 เท่า
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลการเลือกตั้งของไทยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจัยการเมืองจะคลี่คลายลง และมีโอกาสที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รวมกับพรรคพรรคภูมิใจไทย, พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเล็กพรรคน้อยอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้มีจำนวนส.ส. รวมเกิน 250 ที่นั่ง ทำให้ความคาดหมายว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะต่อเนื่องน่าจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
โดยหุ้นกลุ่มรับเหมาจะได้อานิสงส์จากความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาล จึงชื่นชอบ STEC ที่ประเมินว่าการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ๆ จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ หลังมีรัฐบาลใหม่ รวมถึง Momentum ของกำไรยังเร่งตัวขึ้นจากการรับรู้รายได้แบบ S-curve ที่ชันขึ้นของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชมพู และเหลือง