พาราสาวะถี

อรชุน

ทำงานกันแบบนี้คงหมดปัญญาที่จะสรรหาคำใดมากล่าวกันอีกแล้ว สำหรับกกต.ชุดที่ได้รับการแต่งตั้งจากสภาเผด็จการ แน่นอนว่า หากให้ประเมินผลการทำงานต้องบอกว่า “สอบตก” แถมติดลบอีกต่างหาก ข่าวลือเรื่องแจกใบแดง 45 ใบเป็นเพื่อไทย 28 อนาคตใหม่ 15 พลังประชารัฐ 2 แม้จะมีการชี้แจงว่าเป็นข่าวปลอม พร้อมขู่ด้วยว่าใครไปแชร์หรือเผยแพร่ต่อโทษหนัก แต่คนก็ยังกังขาและมีแนวโน้มว่าจะคล้อยตามข่าวนี้เสียด้วย โดยที่ตัวเลขอาจจะไม่สูงถึงขนาดนั้น

แต่หากให้ทายผลก็คงจะมีคนทายผิดน้อย เชื่อได้เลยว่าว่าที่ส.ส.เพื่อไทยจะถูกสอยเป็นว่าเล่น เช่นเดียวกับอนาคตใหม่ ส่วนพรรคสืบทอดอำนาจอาจโดนแค่น้ำจิ้มเพื่อรักษาภาพความเป็นกลางเท่านั้น ยิ่งได้เห็นการเล่นขายของตั้งโต๊ะแถลงข่าวด่วนของทีมงานรองเลขาธิการกกต.วันวาน ยิ่งทำให้เห็นความเละเทะกันไปใหญ่ และไม่แน่ใจด้วยว่าเป็นการแถลงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับบางพรรคการเมืองด้วยหรือไม่

เพราะที่กกต.ระบุว่าเป็นการแถลงข่าวด่วนนั้นเป็นตัวเลขคะแนนป๊อบปูลาร์โหวต ที่จะถูกนำไปคำนวณเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยตัวเลขผู้มีสิทธิ ผู้มาใช้สิทธิ บัตรดี บัตรเสีย และจำนวนบัตรที่ใช้ไป ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากรู้ สิ่งที่คนทั้งประเทศอยากรู้คือ จำนวนส.ส.แบบแบ่งเขตของแต่ละพรรคที่ผ่านการนับคะแนนมาแล้ว และเชื่อได้เลยว่าเสร็จสิ้นทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ทุกเขตเลือกตั้งแล้ว ใครได้คะแนนเท่าไหร่ พรรคไหนได้จำนวนส.ส.กี่มากน้อย ก็ควรจะเปิดเผยให้สาธารณชนสิ้นสงสัย

ไม่ต้องมาเล่นเอาล่อเอาเถิด พร้อมกับการอ้างแบบข้าง ๆ คู ๆ จนสีข้างถลอกปอกเปิกกันไปหมดแล้ว ยิ่งได้ฟัง จรุงวิทย์ ภุมมา พยายามอธิบายว่า เหตุที่ไม่เปิดเผยตัวเลขผลการนับคะแนนทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นเพราะ 5 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้นเป็นเขตที่มีเรื่องร้องเรียน หากเขตนั้นมีผู้กระทำผิดจริง เช่น การซื้อเสียงหากพบมีมูลผู้สมัครส.ส.เขตนั้นที่ได้คะแนนจากประชาชนไม่ว่าจะลำดับใดจะต้องถูกตัดสิทธิ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำคะแนนไปคำนวณหาที่นั่งส.ส.บัญชีรายชื่อได้

อธิบายตรงนี้ยิ่งย้อนแย้งกันกับสิ่งที่ลูกน้องตัวเองแถลงเข้าไปอีก ก็เมื่อตัวเลขที่ตั้งโต๊ะบอกนั้นมันคือป๊อบปูลาร์โหวต แล้วหากมีการตรวจสอบพบทุจริตจริง คะแนนดังว่านั้นจะต้องลดลงไปด้วยหรือไม่ หรือว่านั่นคือ 95 เปอร์เซ็นต์ที่คัดไว้แล้วว่า พรรคใดได้ประโยชน์ไม่เปลี่ยนแปลงแน่ ส่วนที่กั๊กไว้กำลังเลือกจิ้มอยู่ว่าจะแปรสภาพเป็นคะแนนกันอย่างไร ยิ่งอธิบายยิ่งเข้ารกเข้าพงและยิ่งทำให้เห็นความไม่ชอบมาพากลหนักข้อเข้าไปอีก

นี่ไงสิ่งที่อรชุนบอกไว้ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง โกงสะบัดกับการทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ วันนี้น่าจะพอเห็นรูปรอยกันแล้วว่ามันโน้มเอียงไปทางไหน กรณีแถลงแบบแทงกั๊กเช่นนี้ของกกต. จึงทำให้ สมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะอดีตกกต.อดที่จะออกมาสอนมวยไม่ได้ โดยเจ้าตัวบอกว่า กกต.ต้องประกาศผลเป็นทางการ 100 เปอร์เซ็นต์  ไม่ใช่ 95 เปอร์เซ็นต์

ตัวเลข 95 เปอร์เซ็นต์ คือรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการที่มีระเบียบให้รายงานได้ไม่เกินร้อยละ 95 อีกตัวเลข 95 เปอร์เซ็นต์คือการรับรองผลส.ส. ซึ่งกกต.ต้องรับรองผลให้ได้ร้อยละ 95 ของส.ส.ทั้งสภา ภายใน 60 วันหลังเลือกตั้ง เพื่อให้สามารถมีการประชุมสภานัดแรกได้ ส่วนการประกาศผลที่เป็นทางการ เป็นการที่กกต.รับเอกสารผลการเลือกตั้งที่มาจากหน่วย จากเขตและจากจังหวัดตามลำดับ เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว จะประกาศผลทางการครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะทำเสร็จภายใน 3-4 วันทำการหลังจากวันเลือกตั้ง

เมื่อพิจารณาจากเงื่อนเวลาที่สมชัยอธิบายแล้ว ยิ่งเห็นความล่าช้าโดยไร้สาเหตุ ยิ่งย้อนกลับไปฟังถ้อยแถลงของ อิทธิพร บุญประคอง ในคืนวันเลือกตั้งที่บอกว่าไม่มีเครื่องคิดเลข ความเชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชนน่าจะกลายเป็นศูนย์โดยทันที ทำงานกันแบบนี้น่าเสียดายงบประมาณกว่า 5,800 ล้านที่เสียไป นอกจากไม่คุ้มค่าแล้ว ยังมองเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นอีกด้วย เห็นชัดจากกรณีบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจากประเทศนิวซีแลนด์

วันนี้โยนขี้กันไปมา กกต.ที่มีหน้าที่โดยตรงก็ได้แต่ใบ้รับประทาน อ้างหลักการว่าต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนแต่ไม่ได้บอกว่าจะทำงานกันรวดเร็วขนาดไหน ทั้งที่ความจริงเรื่องนี้ต้องทำกันอย่างจริงจังและรวดเร็ว และตอบสังคมว่าเป็นความผิดพลาดของใคร จุดใด ใครปฏิบัติ ใครกำกับดูแล และได้ใช้ความพยายามถึงที่สุดในการนำส่งบัตรเลือกตั้งแล้วหรือไม่ หากผิดที่จุดใดต้องมีการลงโทษอย่างจริงจัง

ความจริงน่าจะมีคนไทยจากนิวซีแลนด์ซึ่งเป็นผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร ดำเนินการฟ้องร้องให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะการที่ทำให้คนจำนวน 1,542 คนต้องเสียสิทธิและเสียหายในคะแนนที่ได้ลงเลือกคนที่ตัวเองชอบและพรรคที่ตัวเองสนับสนุนนั้น ถือเป็นการกระทำที่ต้องมีผู้รับผิดชอบ จะมาปฏิเสธโทษกันไปมาเหมือนเด็กปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

นี่ก็เหมือนกันจะปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองได้อย่างไร กรณีสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารปลดชื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพ้นศิษย์เก่าดีเด่นเตรียมทหารและเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว ที่ทำเอาคนหัวร่อเยาะหยันในความรู้สึกโคตรช้าของคณะกรรมการสมาคมแห่งนี้คือ การอ้างเหตุถูกพิพากษาคุก 2 ปี ทำไมถึงเพิ่งมาดำเนินการ เพราะคดีดังกล่าวนั้นมันนานจนหมดอายุความและทักษิณพ้นผิดโดยปริยายไปแล้ว

ประเภทที่อ้างและกล่าวหาโจมตีต่าง ๆ นานาโดยเฉพาะผู้นำเหล่าทัพบางราย ใครได้ฟังก็คงรู้สึกสมเพชที่นำเอาองค์กรไปตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายที่ต้องการสืบทอดอำนาจ คงไม่ต่างกันกับที่มีภาพของผู้นำเผด็จการใส่สายน้ำเกลือทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล มันต้องสร้างภาพกันขนาดนั้นเชียวหรือ ความสำคัญของคนทำงานมันไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องทำจนตายในหน้าที่ แต่มันอยู่ที่ผลงานอันเป็นที่ประจักษ์แล้วได้รับการสรรเสริญ เยินยอจากประชาชนต่างหาก คิดและทำได้แค่นี้มันจึงต้องอยู่ในภาวะหงุดหงิดตั้งแต่วันยึดอำนาจจนมาถึงวันนี้นี่ไง