INGRS มั่นใจผลงานปีนี้โตเข้าเป้า รุกขยายตลาดตปท.-ลุ้นคว้างานใหม่เพิ่ม
INGRS มั่นใจผลงานปีนี้โตเข้าเป้า รุกขยายตลาดตปท.-ลุ้นคว้างานใหม่เพิ่ม
นายฮามิดี บิน เมาลอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ INGRS เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 3,199.32 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากรายได้รวม 2,913 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยรายได้รวมของบริษัทฯ เป็นรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศไทยประมาณ 38.4% รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซียประมาณ 49% รายได้จากบริษัทย่อยในประเทศอินเดียประมาณ 6.6% และรายได้จากบริษัทย่อยในประเทศอินโดนีเซียประมาณ 6%
โดยบริษัทย่อยในอินเดียมีรายได้เพิ่มขึ้น 187 ล้านบาท บริษัทย่อยในไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 57 ล้านบาท บริษัทย่อยในอินโดนีเซีย มีรายได้เพิ่มขึ้น 49 ล้านบาท บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 76,363,009 บาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 147,198,013 บาทในปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบจากลูกค้าโปรตอนในมาเลเซียและค่าใช้จ่ายภาษีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 27.5 ล้านบาทจากปีก่อน
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลทั้งปี ในอัตราหุ้นละ 0.052 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 75,241,019.88 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตรา 142.6% ของกำไรสุทธิ และคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 7.6% (คำนวนจากราคาปิดวันก่อน) โดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.026 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 และจะจ่ายเงินเงินปันผลในอัตรา 0.026 บาทต่อหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 มิถุนายน 2562 โดยกำหนดให้วันที่ 18 เมษายน 2562 เป็นวันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ INGRS วางแผนที่จะขยายธุรกิจในหลายประเทศทั้ง อินเดีย ไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในอินเดีย โดยบริษัทฯจะเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด ตลอดจนขยายฐานลูกค้าผลิตรถยนต์รายใหม่ๆเพิ่มเติม เนื่องจากอินเดียมีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีการผลิตรถยนต์ปีละกว่า 5 ล้านคัน และยังเติบโตสูงสุดถึง 9% จากปีก่อน ปัจจุบันธุรกิจของบริษัท มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯได้เซ็นสัญญารับออเดอร์ใหม่เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ให้กับผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง และ บริษัทฯมีการเริ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
ส่วนโครงการใหม่หลายโครงการในประเทศไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะ ช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทฯให้เติบโตอย่างมั่นคง และเมื่อเร็วๆนี้บริษัทฯได้เซ็นสัญญาเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบหุ่นยนต์เทคโนโลยีระดับสูง ( COBOT) กับ กลุ่ม Neuromeka (นิวโรเมก้า) จากเกาหลีใต้ เพื่อจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียน อินเดียและประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง นอกจากนี้ยังเซ็นสัญญาพันธมิตรด้านเทคนิคสำหรับโครงการผลิตชิ้นส่วนให้ ฮุนได ในประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
ทั้งนี้บริษัทฯ กำลังเสนองานใหม่อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เป็นโครงการระดับโลกซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงกว่าโครงการทั่วไป เนื่องจากแต่ละโครงการจะมีการผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานในหลายประเทศ โดยบริษัทฯคาดว่าจะทยอยทราบผลการประมูลภายในปี 2562
สำหรับประเทศมาเลเซียบริษัทฯคาดว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น และ บริษัทฯ คาดว่ายอดการผลิตชิ้นส่วนให้กลุ่มโปรตอนซึ่งเป็น 1 ในลูกค้าหลัก จะเพิ่มมากขึ้นและเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งเมื่อรวมกับการผลิตชิ้นส่วนโครงการใหม่ๆให้กลุ่มเพอโรดัว จะทำให้บริษัทฯย่อยในมาเลเซียมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้