MEGA ดีดบวก 5% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” ชูเป้า 38 บ. คาดผลงานปีนี้โตต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA ล่าสุด ณ เวลา 16.26 น. อยู่ที่ 34 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 4.62% สูงสุดที่ 34.25 บาท ต่ำสุดที่ 32.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 73.18 ล้านบาท

ด้าน บล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” MEGA ราคาเป้าหมาย 38 บาท/หุ้น คงประมาณการยอดขายและกำไรปี 62 เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ 9.6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน คาดการดำเนินงานปี 62 จะขยายตัวต่อเนื่อง จากการเติบโตในธุรกิจหลักๆ ทั้งจากธุรกิจภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We Care ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายในปี 61 อยู่ที่ 52% ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในปีนี้คาดราว 8-10 ผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างจดทะเบียนอีก 73 ผลิตภัณฑ์ และกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาอีก 59 ผลิตภัณฑ์, การขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

รวมทั้งจากการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ เช่น ในประเทศโคลอมเบีย, เอธิโอเปีย ภายหลังที่บริษัทเข้าไปเปิดสำนักงานใหม่ และจากธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Maxxcare สัดส่วนยอดขายปี 61 อยู่ที่ 45% ที่ได้ลูกค้ามาเพิ่ม อีกทั้งเมื่อไตรมาส 3/61 ที่ผ่านมาบริษัทยังได้เริ่มเปิดใช้งานศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ในประเทศเมียนมาซึ่งเป็นศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองย่างกุ้ง คาดจะมาช่วยรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและเป็นอีกทางที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้

ส่วนธุรกิจ OEM แม้ในปีที่ผ่านมาจะคิดเป็นสัดส่วนต่อยอดขายอยู่ที่เพียง 3% (ลดลงจากปี 60 อยู่ที่ 5%) แต่ว่าในปีนี้ก็จะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นจากลูกค้าเดิมมีแนวโน้มกลับเข้ามาสั่งผลิตมากขึ้น นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีการทำตลาดค่อนข้างมากเพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักและมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น เช่นการเพิ่มจำนวนบุคลากร ทีมงานใหม่ๆ ในอีกหลายๆประเทศเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น ในประเทศเมียนมา, เวียดนาม, อินโดนีเซีย

โดยทางฝ่ายยังคงประมาณการยอดขายปี 62 ไว้ที่ 11,227 ล้านบาท สูงขึ้น 8.6% จากช่วงเดียวกันเทื่อปีก่อน และกำไรอยู่ที่ 1,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากช่วงเดียวกันเทื่อปีก่อน (และกำไรปกติอยู่ที่ 1,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3%จากช่วงเดียวกันเทื่อปีก่อน)

สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสุขภาพเมก้า-มาลี (MEGA-MALEE) ปัจจุบันเริ่มวางจำหน่ายไปแล้ว 2 ผลิตภัณฑ์ แต่คาดว่าจะออกอีกหลายผลิตภัณฑ์ในปีนี้กำลังอยู่ระหว่างขออย. ii) กิจการร่วมค้ากับบริษัท “MSN” ประเทศอินเดีย เพื่อพัฒนายาและผลิตยาในประเทศเมียนมา เช่น ยารักษามะเร็ง ยารักษาเบาหวาน ยังเป็นไปตามแผนคือจะเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตได้ในปีนี้ และทำการผลิตยาตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป

ส่วนแผนลงทุนอื่นๆ ในปี 62 นี้ คาดจะมีการใช้จ่ายเงินลงทุนในศูนย์กระจายสินค้าและพื้นที่สำนักงานในประเทศเมียนมา จำนวน 150 ล้านบาท และก่อสร้างคลังสินค้า ศูนย์ควบคุมคุณภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างโรงงานผลิตยารูปแบบใหม่ (ติดกับโรงงานปัจจุบัน) ประมาณ 425 ล้านบาท ในช่วงปี 62-63

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการดำเนินงานปี 62 จะขยายตัวได้ดี เช่นเดียวกับแนวโน้มไตรมาส 1/62 ที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ระดับราคาหุ้นปัจจุบันทางฝ่ายปรับคำแนะนำเพิ่มเป็น “ซื้อ” จาก “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 62 อยู่ที่ 38 บาท