โดมิโน เอฟเฟ็กต์?โมนิก้าและทีมงาน

*ถ้าประเมินสถานการณ์ “ข่าวบวก” กับ “ข่าวลบ” ต้องบอกตามตรงว่า ตลาดหุ้นไทยยังต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆ ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจในประเทศ หรือเศรษฐกิจต่างประเทศ ล้วนมีแต่ด้านมืด จนนิยามคำว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เป็นหมันไปโดยปริยายนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นกรณีศึกษาที่ตัวนักเล่นต้องทำความเข้าใจกันอีกหลายรอบเลยทีเดียวเจ้าค่ะ


*ถ้าประเมินสถานการณ์ “ข่าวบวก” กับ “ข่าวลบ” ต้องบอกตามตรงว่า ตลาดหุ้นไทยยังต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆ ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจในประเทศ หรือเศรษฐกิจต่างประเทศ ล้วนมีแต่ด้านมืด จนนิยามคำว่า แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เป็นหมันไปโดยปริยายนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นกรณีศึกษาที่ตัวนักเล่นต้องทำความเข้าใจกันอีกหลายรอบเลยทีเดียวเจ้าค่ะ

*ขนาดหัวเรือใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่าง “เจ้ตุ๊” ออกมาเม้าท์มอยปัญหาหนีกรีซ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก เพราะตลาดซึมซับรับข่าวดังกล่าวมากเกินไป บวกกับนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นออกมาเยอะ จึงไม่ควรมีอารมณ์คล้อยตามข่าวที่ออกมาเป็นระลอก เพราะมันไม่ใช่วิถีของนักลงทุนสไตล์คุณค่า แต่เป็นวิถีของพวกกระต่ายตื่นตูมนะจะบอกให้

*น่าเสียดายที่คำกล่าวเตือนสติเหมือนสายลมพัดผ่านเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ทุกคนยังพุ่งเป้าไปที่เรื่อง “โดมิโน เอฟเฟ็กต์” หรือพูดให้เข้าใจง่ายนิดหนึ่งก็คือ “ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้” บรรยากาศการลงทุนถึงเละเทะอย่างที่เห็น ซึ่งเป็นผลมาจากอารมณ์ของนักเล่นเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้ว “โมนิก้า” ถึงได้แต่ทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างศิโรราบ เพราะมันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ดัชนีม้วนตัวลงมาปิดที่ 1,504.55 จุด ลบไป 6.64 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.54 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มแบงก์กลายเป็นหุ้นที่โดนสาดทิ้งออกอย่างหนักหน่วง ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อที่ว่า หุ้นกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยง!จึงชิงเทขายหุ้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิต “โมนิก้า” จึงขอแสดงความเสียใจกับคนที่อมหุ้นแบงก์ไว้ในพอร์ต เพราะวันนี้ไม่ใช่วันของหุ้นเหล่านี้พะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของ BAY ซึ่งแสดงอาการโอเวอร์รีแอ๊คให้เห็นตั้งแต่ต้นปี 58 สุดท้ายก็กลายเป็นหุ้นที่ไม่มีใครเอา จากหุ้นที่เคยมีมูลค่าเกือบ 100 บาท วันนี้มูลค่าของหุ้นเหลือแค่ 33.25 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของกระแสมากกว่าเรื่องอื่นๆ จึงไม่ขอกล่าวโทษใครทั้งสิ้น เพราะอยากจะเตือนผู้เล่นทุกหมู่เหล่าว่า อย่าหลงเข้าไปเล่นเกมของคนอื่น!เกิดพลาดพลั้งขึ้นมา อาจได้ไม่คุ้มเสียนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของ TASCO กับ TIPCO หากมองตามเนื้อผ้าต้องยอมรับว่า นี่เป็นหุ้นที่น่าสนใจจริงๆ แต่น่าเสียดายที่หุ้นมักบวกสวนแบบไม่รู้กาละเทศะ “โมนิก้า” ถึงเลี่ยงที่จะพูดถึงหุ้นในจังหวะถีบตัวขึ้นแรง เพราะรู้ดีว่า ความรู้สึกเมื่ออยู่บนดอยมันหนาวจับขั้วหัวใจขนาดไหน? ล่าสุดหุ้นขึ้นมาปิดที่  22.90บาท บวกไป 0.60 บาท ด้วยมูลค่า 2.20 พันล้านบาท ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดเสมอตัวที่ 14.20 บาท  ด้วยมูลค่า 470 ล้านบาท มันเป็นข้อมูลที่นักเล่นต้องคิดกันเอาเองเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับกรณีของ EVER จู่ๆ มีแรงซื้อเข้ามาไล่ซื้อหุ้นกันอย่างคึกคัก ทั้งที่ยังไม่มีอะไรในกอไผ่ “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่เหล่านักเล่นต้อง “วิเคราะห์ แยกแยะ” ให้เป็นระบบแบบแผน เพราะเมื่อปลายปี 57 หุ้นขึ้นไปถึง 4.50 บาท แต่หลังจากนั้นรูดลงมาเรื่อยๆ จนลงมาทำ low แถว 1.40 บาท ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.73บาท บวกไป 0.33บาท หรือขึ้นไป 23.60%  ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท..มันใช่คำตอบของการเล่นเที่ยวนี้หรือไม่?

*อีกหนึ่งกรณีที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิดคงเป็นในรายของ DIMET วันนี้ยังไม่มีอะไรเคลียร์แบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋ เหตุไฉนหุ้นกลับทะยานขึ้นมาปิดที่ 11บาท บวกไป 1.80บาท หรือขึ้นไป 19.60% ด้วยมูลค่า 280 ล้านบาท “โมนิก้า” ฟันธงลงไปได้ในทันทีว่า น่าจะเป็นเกมลากไปเชือดอีกตามเคย! และกลุ่มก๊วนที่เล่นกันจนเลยเถิด ก็คงเป็นหน้าเดิมๆ แถมของมันเห็นกันเต็มสองลูกตา บุ๊คอยู่แค่ 0.60 บาท  หุ้นขึ้นได้ขนาดนี้ได้ไงเจ้าคะ

*ถ้ามองภาพดังกล่าวไม่ออก ขอตอกย้ำเรื่องนี้ด้วยหุ้น SANKO แพตเทิร์นการเคลื่อนตัวของหุ้น “มาเร็ว เคลมเร็ว” บวกกับหลายครั้งที่ผ่านมา ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาแตะ 2 บาทปุ๊บ หุ้นร่วงกลับที่ 1.50 บาทในทันที “โมนิก้า” ถึงเฉยๆ กับการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.77บาท บวกไป 0.19บาท หรือขึ้นไป 12%  เพราะมันเป็นเรื่องที่เห็นจนชินตา จึงไม่มีอาการตื่นเต้นพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ HPT กระชากขึ้นอย่างร้อนแรงเป็นวันที่ 2 พร้อมด้วยแรงซื้อที่อัดแน่นเข้ามาตลอดทั้งวัน จนหุ้นทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุด 3.34 บาท หลังจากนั้นมีการรินหุ้นออกมาเรื่อยๆ จนหุ้นทรุดตัวลงตลอดเวลา ก่อนจะปิดที่ 2.84บาท บวกไป 0.20บาท หรือขึ้นไป 7.60% ด้วยมูลค่า 3.20 พันล้านบาท  “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการปรับสมดุล อะไรที่มากเกินไป สุดท้ายก็จะถูกปรับให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ..อิอิอิ

Back to top button