LPN รุกสู่รายได้ประจำ.!?
แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัว กลายเป็นแรงบีบคั้นให้กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ต้องดิ้นหนีตาย !!
สำนักข่าวรัชดา
แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัว กลายเป็นแรงบีบคั้นให้กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ต้องดิ้นหนีตาย !!
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN น่าจะเป็นรายล่าสุด ที่เห็นการปรับตัว…หันไปสร้าง Recurring Income หรือรายได้ประจำ
ที่ผ่านมา LPN จะยึดตลาดระดับกลางและล่าง โดยเน้นกลุ่มอสังหาฯ แนวดิ่ง หรือคอนโดมิเนียมเป็นหลัก
แต่…ดูเหมือนตลาดนี้เริ่มไม่สดใสซะแล้ว..!! เห็นได้จากกรณี LPN ขนเอาคอนโดฯ เก่าขายไม่หมด 5 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1, 2. โครงการลุมพินี วิลล์ พระนั่งเกล้า-ริเวอร์วิว, 3. โครงการลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ-ริเวอร์วิว 2, 4.โครงการลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก และ 5. โครงการลุมพินี ทาวน์ ชลบุรี-สุขุมวิท เข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
แน่นอนว่า…เป็นจังหวะให้ LPN ได้ระบายของ
แต่…อีกมุมหนึ่งก็สะท้อนว่ากำลังซื้อตลาดระดับกลางและล่างที่ LPN ยึดเป็นหัวหาดเริ่มมีปัญหา จึงต้องขนเอาของเก่าที่ขายไม่หมดเข้าร่วมโครงการของรัฐ เพื่อระบายสต๊อก…
นั่นเท่ากับว่า หาก LPN ยังหวังพึ่งพิงรายได้จากการขายคอนโดฯ อย่างเดียว ก็อาจจะเสี่ยงเกินไป
เป็นแรงบีบให้ LPN ต้องเร่งปรับตัว หา Recurring Income เข้ามาทดแทนรายได้เดิมที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ
ล่าสุดไปจับมือกับบริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด (NYE) ตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท ดลศิริ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานและร้านค้าให้เช่า ริมถนนพระราม 4 มูลค่าเกือบ 1,500 ล้านบาท
คาดว่าจะเป็นอีกช่องทางทำเงินให้กับ LPN !!
ถ้าไปส่องผลประกอบการย้อนหลังช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่า LPN เผชิญสถานการณ์รายได้และกำไรถดถอย…ไม่ต่างจากบริษัทอสังหาฯ เจ้าอื่น ๆ
โดยปี 2558 เคยมีกำไรสุทธิระดับ 2,413.40 ล้านบาท จากรายได้ 16,673.64 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 14.47% ปี 2559 กำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 2,176.23 ล้านบาท จากรายได้ 14,650.64 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 14.85% ปี 2560 กำไรสุทธิลดวูบ เหลือแค่ 1,062.32 ล้านบาท จากรายได้ 9,655.14 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 11%
ส่วนปี 2561 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 1,367.27 ล้านบาท จากรายได้ 11,301.89 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 12.10%
นี่จึงเป็นที่มาที่ LPN ต้องเร่งหา Recurring Income เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจ
ซึ่งเชื่อว่าต่อจากนี้คงได้เห็นโมเดลใหม่ ๆ ในการสร้าง Recurring Income ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนที่เห็นราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาไหลรูดลงมาเรื่อย ๆ จนมายืนที่ระดับราคา 6–7 บาท อาจเป็นเพราะนักลงทุนกังวลถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ที่เริ่มชะลอตัว จึงพากันขายหุ้นทิ้ง…
แต่การได้เห็น LPN ขยับไปสร้าง Recurring Income ก็น่าจะดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้บ้าง
จะมากหรือน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง….??
…อิ อิ อิ…