ขึ้นเร็ว ลงเร็ว

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากดูอารมณ์ของตลาดหุ้นไทยในมุมของสัญญาณเทคนิค “โมนิก้า” พูดได้ในทันทีว่า การเคลื่อนตัวของดัชนีจะแกว่งตัวมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน เพราะการเล่นหุ้นเที่ยวนี้อิงกับปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก บวกกับกรอบที่เหมาะสมของดัชนีอยู่ที่บริเวณ 1,700 จุด บวกลบประมาณ 20 จุด จึงเหลือแก๊ปให้ดัชนีวิ่งขึ้นไม่ได้มากสักเท่าไหร่ ? เดี๊ยนถึงต้องการให้นักเล่นเข้าใจอาการ “ขึ้นเร็ว ลงเร็ว” ไว้ด้วยนะคะ

*วันนี้เลยไม่มีความจำเป็นต้องสอบถามการที่ดัชนีขึ้นมาปิดบริเวณ 1,657.74 จุด บวกไป 11.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.42 หมื่นล้านบาทให้เสียเวลาเคาะขวารัว ๆ เพราะมันเป็นการเล่นแบบเดิม ๆ ที่เดี๊ยนเคยเกริ่นให้ฟังตั้งแต่สัปดาห์ก่อน “โมนิก้า” จึงขอแนะนำให้เอาเวลาทั้งหมดไปคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าว่าจะมีผลกระทบต่อการเข้าลงทุนในหุ้นตัวไหนบ้างไงล่ะคะ

*เนื่องจากหุ้นบางตัวเริ่มกระชากขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมได้แล้ว ขณะเดียวกันก็ได้เห็นภาพของหุ้นบางตัวเริ่มรวนหนัก หรือแม้กระทั่งหุ้นบางตัวยังคงแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นเวลาหลายเดือนก็ยังมีให้เห็นไม่ใช่น้อยเหมือนกัน “โมนิก้า” ถึงพยายามให้นักเล่นซึมซับอารมณ์หลากหลายรูปแบบที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปกำหนดรูปแบบการลงทุนให้มีความยืนหยุ่นมากกว่าเดิมนะจ๊ะ

*เหมือนกับในรายของพี่เทพ PTTEP พยายามประคองตัวยืนเหนือเส้นแนวต้าน 200 วันบริเวณ 27 บาทเป็นเวลานานถึง 4-5 วัน (ก่อนหน้านี้ไซด์เวย์เป็นเดือน) ก่อนระเบิดฟอร์มในจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะ พร้อมกับขึ้นมายืนปิดที่ 131.50 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.66 พันล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า หุ้นได้ปลดเปลื้องพันธนาการเป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนี้น่าจะมีแต่คำว่า แรลลี่นะจะบอกให้

*รูปแบบดังกล่าวคล้ายกับการวิ่งขึ้นของหุ้น KTC ทุกกระเบียดนิ้ว แถมราคาหุ้นยืนนิ่ง ๆ มาตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงกลางเดือน มี.ค. ต่อจากนั้นมีแรงซื้ออัดเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาหุ้นกระชากขึ้นจากระดับ 31 บาท ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 39.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.36 พันล้านบาท เท่ากับเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่า ราคาหุ้นคงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้กระมัง!..อิอิอิ

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นสุดเลิฟ EA พยายามฝ่าขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่เหนือระดับ 50 บาทเป็นเวลา 6 เดือนครึ่ง จนวานนี้กระชากขึ้นพรวดเดียวขึ้นมาปิดที่ 50.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.51 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่นักเล่นต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเล่นในเที่ยวนี้ไงล่ะตัวเอง

*ส่วนในรายของ IVL อาจไม่เข้าข่ายดังกล่าว เพราะราคาหุ้นยังติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ บวกกับช่วงหลังไม่เป็นที่กล่าวถึงในหมู่กูรูตลาดหุ้น “โมนิก้า” ถึงมองการขึ้นมาปิดที่ 49.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 960 ล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการเด้งขึ้นตามภาวะตลาดหุ้นที่ปิดเขียวปี๋ ไม่จำเป็นต้องอินอะไรมากมายเหมือนกับหุ้นข้างต้น งานนี้จริงเท็จขนาดไหน ? ต้องติดตามดูกันเอาเองจ้า !

*คล้ายกับกรณีของหุ้น AP จู่ ๆ ก็กระชากขึ้นมาแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 7.45 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 257 ล้านบาท ทั้งที่ร้อยวันพันปีเอาแต่มุดหัวลงลูกเดียว “โมนิก้า” ย่อมรู้สึกถึงความไม่ปกติของการเคาะขวาเที่ยวนี้ เพราะไม่รู้ว่า เอาสตอรี่อะไรมาปั่นกระแส รวมทั้งหุ้นวิ่งขึ้นมาชนเส้นแนวต้าน 200 วันพอดีเป๊ะแบบนี้ มันไม่ง่ายที่หุ้นจะไปต่อนะคะ

*เหมือนกับกรณีของ SGP ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงในรอบ 2 เดือนครึ่ง พร้อมกับเอาประเด็นราคาแก๊สเริ่มสูงขึ้นเป็นตัวบิลต์อารมณ์ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นจังหวะของการโหนกระแสแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเที่ยวก่อนที่เก็งกันว่า ราคาแก๊สจะดีขึ้น ราคาหุ้นก็ถูกปิดเกมไปที่ระดับ 10.50 บาท เดี๊ยนถึงมองไม่ออกจริง ๆ ว่า การขึ้นมาปิดที่ 9.95 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 175 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้เล่นต่อนะซี

*ส่วนรายที่โหดสลัดรัสเซียของจริง “โมนิก้า” ต้องยกให้หุ้นทำมอเตอร์ PIMO ถูกทุบลงมากองอยู่ที่ 2.68 บาท ลบไป 1.14 บาท หรือลงไปติดฟลอร์ 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่ทำให้แมงเม่ากระอักเลือดตายกันเป็นแถว เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูในจังหวะที่ราคาหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตสักอย่าง จู่ ๆ เจ้ามือดันทุบเปรี้ยงแบบไม่เหลือซากแบบนี้ “เฮียวสันต์” ต้องออกมาชี้แจงด่วนเจ้าค่ะ