สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 เม.ย. 2562
ดัชนีดาวโจนส์ปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของสหรัฐซึ่งขยายตัวเพียงเล็กน้อยในเดือนมี.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,157.16 จุด เพิ่มขึ้น 6.58 จุด หรือ +0.03% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,888.21 จุด เพิ่มขึ้น 10.01 จุด หรือ +0.35% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,964.24 จุด เพิ่มขึ้น 54.96 จุด หรือ +0.69%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) โดยหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น แต่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษรอบใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.26% ปิดที่ 386.68 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,449.88 จุด เพิ่มขึ้น 13.46 จุด หรือ +0.25% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,905.91 จุด เพิ่มขึ้น 55.34 จุด หรือ +0.47% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,421.91 จุด ลดลง 3.66 จุด หรือ -0.05%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมซัมมิตของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อหารือเรื่องการขยายเวลาการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,421.91 จุด ลดลง 3.66 จุด หรือ -0.05%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ 1,313.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 3.3 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 15.244 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 9.6 ดอลลาร์ หรือ 1.07% ปิดที่ 908.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,363.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลงกว่า 7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดการผลิตน้ำมันในเดือนมี.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 64.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 71.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดจะใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1270 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1266 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3082 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3042 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7165 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7125 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.97 เยน จากระดับ 111.11 เยน แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0025 ฟรังก์ จากระดับ 0.9995 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3323 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3322 ดอลลาร์แคนาดา