“ประจิน” คาดรถไฟไทย-จีนเปิดประกวดราคาได้ก.ย. เริ่มก่อสร้างต.ค.นี้
"ประจิน" คาดรถไฟไทย-จีนเปิดประกวดราคาได้ก.ย. เริ่มก่อสร้างต.ค.นี้
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับการประชุมร่วม รถไฟไทย-จีนครั้งที่ 5 ได้มีการลงนามในบันทึกการประชุมร่วมกับ Mr.Wang Xiaotao หัวหน้าคณะฝ่ายจีน เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ว่า การทำข้อตกลงกรอบการทำงาน (Frame Work Agreement) นั้นจะมีการตั้งคณะทำงาน 2 ฝ่ายขึ้นพิจารณาความเหมาะสมและเนื้อหาของการทำงาน โดยกรอบจะแล้วเสร็จได้ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ จากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 10 ก.ย. พิจารณาก่อนลงนาม
โดยโครงการนี้จะดำเนินการสำรวจ ออกแบบรวดเร็วกว่าโครงการทั่วไป เพราะมีแนวเส้นทางรถไฟเดิม และมีการศึกษาไว้ก่อนแล้ว ซึ่งหากเปรียบเทียบเส้นทางรถไฟ สปป. ลาว-จีน เส้นทางในประเทศลาวระยะทาง 471 กม.ใช้เวลาในการสำรวจมากถึง 2 ปี เนื่องจากไม่มีแนวเส้นทางรถไฟเดิม และเส้นทางผ่านพื้นที่ป่าแลภูเขาเขากว่า 70% ดังนั้น ไทยใช้ข้อมูลเดิมประกอบการใช้เทคโนโลยีการสำรวจใหม่ทำให้รวดเร็วขึ้น จาก 1 ปีเหลือ 6 เดือนเท่านั้น
สำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงใหญ่จะใช้ที่แก่งคอย จ.สระบุรี เนื่องจากมีพื้นที่มากและอยู่ในแนวเส้นทางจะมีความสะดวก ส่วนศูนย์ควบคุมการเดินรถ (OCC) จะอยู่ที่เชียงรากน้อย
ส่วนหลักการก่อสร้าง จะแบ่งเป็น 4 สัญญา คือ สัญญา 1(ช่วงกรุงเทพ- แก่งคอย) สัญญา 2 (ช่วง แก่งคอย-มาบตาพุด) สัญญาที่ 3 (ช่วงแก่งคอย –โคราช) และสัญญาที่ 4 (ช่วง โคราช-หนองคาย) โดยจะแบ่งทีมก่อสร้างออกเป็น 2 คู่ คือ สัญญา 1 ,3 และสัญญา 2,4 เพื่อสามารถเปรียบเทียบผลงานและมาตรฐานกันได้ โดยจีนจะส่ง 2 ทีมมาก่อสร้าง
ในส่วนของผู้รับเหมาไทยได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว จะรับผิดชอบงานก่อสร้างพื้นราบสัดส่วนประมาณ 70% ส่วนผู้รับเหมาจีนจะก่อสร้างทางผ่านภูเขาและสะพาน สัดส่วนประมาณ 30% ซึ่งคาดว่าจะประกวดราคาได้ในเดือนก.ย.นี้ เพื่อเริ่มก่อสร้างใน ต.ค. โดยอาจจะต้องใช้วิธีพิเศษ แต่จะต้องให้มีความโปร่งใสมากที่สุด
ดังนั้นการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA )นั้นจะต้องได้รับอนุมัติทั้งโครงการก่อนลงมือก่อสร้าง โดยขณะนี้ได้เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(สผ.) พิจารณาผลการศึกษา EIA ในส่วนของโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-หนองคายเดิม ส่วนบางตอนที่มีการเปลี่ยนแนว หรือสถานีเพิ่มซึ่งเป็นข้อมูลใหม่จะต้องนำเสนอเพิ่มเติม ซึ่งจะมีไม่เกิน 15 % ของเนื้องานทั้งหมด คาดว่าจะเสนอ สผ.และได้รับการพิจารณาในส.ค.
“จะมีบางช่วงที่มีการเบี่ยงเส้นทางจากเดิม และเพิ่มสถานีใหม่ โดยจะไม่ให้กระทบต่อการเวนคืนมากเกินไปและไม่กระทบสิ่งแวดล้อมเกินไป หากมากไปจะพยายามดึงกลับมาใช้แนวเดิม ส่วนมูลค่าโครงการ ตามการศึกษาเดิมที่เป็นรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย นั้นอยู่ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ขณะนี้เป็นรถไฟทางคู่ ขนาดรางมาตรฐาน 1.345 เมตร ความเร็วปานกลาง โดยการศึกษาผ่านมา 2 ปีเศษแล้ว และมีบางช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง เพิ่มสถานี และเส้นทางเพิ่มเติม ปัจจัยสภาพดิน ดังนั้น มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อประมาณการณ์ค่าก่อสร้างงานโยธาที่จะปรับไปซึ่งต้องรอผลสำรวจออกแบบจบก่อนในเดือนส.ค.นี้ “พล.อ.อ.ประจินกล่าว
ด้านนายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การศึกษา สำรวจออกแบบและก่อสร้างคืบหน้าประมาณ70-80% เหลือบางส่วนช่วง แก่งคอย-มาบตาพุด โดยผล Feasibility Study จะเสร็จในกลางเดือน ส.ค.นี้ จะทราบวงเงินโครงการในส่วนของงานก่อสร้างและระบบรถเบื้องต้น ส่วนการประชุมครั้งที่ 6 ทางไทยและจีน ได้ข้อตกลงร่วมกันว่าจะจัดที่เมืองเฉินตู ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 6-8 ส.ค. 2558