BGRIM รับอานิสงส์อากาศร้อนจัดดันยอดใช้ไฟพีค! โบรกฯยกดาวเด่นกลุ่มโรงไฟฟ้า
BGRIM รับอานิสงส์อากาศร้อนจัดดันยอดใช้ไฟพีค พ่วงปัจจัยบวกจากแผน PDP ฉบับใหม่ ฟากโบรกฯยกให้เป็นหุ้นดาวเด่นกลุ่มโรงไฟฟ้า ชี้พื้นฐานแกร่งหนุนผลงานโตต่อเนื่อง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM หลังมีรายงานสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประเทศ สัปดาห์นี้มีโอกาสทำลายสถิติใหม่ทะลุเกิน 30,000 เมกะวัตต์ หลังจากเมื่อวันที่ 20 เม.ย.2562 เมื่อ เวลา 21.35 น. ได้ทำสถิติใหม่เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ในระบบ กฟผ. อยู่ที่ 29,680.3 เมกะวัตต์ โดยมีอุณหภูมิ (กทม.) 32.0 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นความต้องการพลังไฟฟ้าที่สูงกว่าสถิติเดิมเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2559 เวลา 22.28 น. ที่ 29,618.8 เมกกะวัตต์ ที่ อุณหภูมิ 33.0 องศาเซลเซีย
โดยพบว่า นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมาอุณหภูมิอากาศของไทยร้อนกว่าค่าเฉลี่ยมาโดยตลอด โดยล่าสุดเดือนเมษายนอากาศก็ยังทำอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัดโดยค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิจริงในต้นเดือนเมษายนถึงปัจจุบันอยู่ในกรอบ 36-38 องศาเซลเซียสและพยากรณ์อากาศในช่วงถัดไปก็ยังเป็นระดับ 37-38 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 2 องศาเซลเซียส
สำหรับในปีนี้เป็นปีที่อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าในประเทศไทยมีแรงส่งเชิงบวกอย่างชัดเจน ได้แก่ แผน PDP ฉบับใหม่ที่ออกมาเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ของประเทศในช่วง 10 ปีข้างหน้าซึ่งจะทำให้เกิดการประมูลโรงไฟฟ้าในช่วงถัดไปและส่งผลบวกต่อกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าที่จะมีเพิ่มขึ้นในภาพรวม
ขณะเดียวกันภาพรวมการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยมีการเติบโตที่ระดับ 4.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกสาขาเศรษฐกิจ (ยกเว้นภาคอุตสาหกรรม) โดยสาขาบ้านอยู่อาศัยมีการเติบโตมากที่สุดที่ 14.6% และสาขาธุรกิจที่เติบโตรองลงมาที่ระดับ 7.3% สาเหตุที่ความต้องการใช้ไฟของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน รมถึงภาคธุรกิจมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจาก ห้างสรรพสินค้า โรงแรม อพาร์ตเม้นต์และเกสต์เฮาส์ ขายปลีก อสังหาริมทรัพย์ โรงพยาบาล ขายส่งและไนต์คลับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ปริมาณหน่วยการขายไฟของอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 จะเพิ่มขึ้นสูงจากปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากภาคธุรกิจและที่อยู่อาศัยจากอุณหภูมิของอากาศที่ร้อนกว่าค่าเฉลี่ยถึง 2 องศาเซลเซียส เป็นบวกต่อรายได้ของโรงไฟฟ้าในไตรมาสที่ 1 และ 2 สำหรับโรงไฟฟ้าในประเทศไทย
นอกจากนี้จากแผน PDP ฉบับใหม่ที่เริ่มมีความชัดเจนมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาทำให้การเปิดประมูลโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมจากภาครัฐในช่วงถัดไปเป็นบวกต้องโรงไฟฟ้าภาคเอกชน ดังนั้นจึงประเมินราคาเป้าหมายหุ้น BGRIM ที่ 35 บาทต่อหุ้น และเลือกเป็นหุ้น Top Pick สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BGRIM ให้ราคาเป้าหมาย 39 บาทต่อหุ้น และยังคงเป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ด้วยแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตมั่นคงกว่า 40% ต่อปี CAGR ปี 2561-2565 หนุนโดยโรงไฟฟ้าที่มี PPA รองรับ
ทั้งนี้คาดกำไรปกติไตรมาส 1/61 ที่ 458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หลังผ่านช่วง Low Season แต่ ลดลง 11% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากค่าก๊าซที่ยังอยู่ในระดับสูงและการซ้อมบำรุงที่มากขึ้นจากปีก่อน
อย่างไรก็ตามมองไตรมาส 1/62 เป็นจุดต่ำสุดของปี โดยไตรมาสที่เหลือจะได้แรงหนุนจาก 1) กำลังการผลิตใหม่โดยเฉพาะในเวียดนามช่วงกลางปี 2) ค่าก๊าซที่ลดลงในช่วง 2H19 และ 3) การซ้อมบำรุงโดยรวมที่น้อยกว่าปีก่อน ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2562 เติบโตโดดเด่น 73% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ด้าน นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “Trading Buy” ประเมินราคาเป้าหมาย 32 บาทต่อหุ้น โดยมองว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งเป็นฤดูร้อน ทำให้โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเดินเครื่องได้อย่างเต็มที่ เพื่อรองรับความต้องการใช้ดังกล่าว
ประกอบกับแผน PDP ใหม่เป็นบวกต่อผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ IPP จากโอกาสเติบโตในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยมองว่า BGRIM จะได้รับผลบวกจากความชัดเจนการต่ออายุโรงไฟฟ้า SPP