ยูโอบี-ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล-อเบอร์ดีนปลื้มลูกค้าขานรับ “TMB Open Architecture”
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภายหลังจากบลจ.ยูโอบี ได้เป็นหนึ่งใน 4 บลจ.ที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตร TMB Open Architecture "กองทุนดี ยี่ห้อดัง ครบที่ทีเอ็มบี" ของธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) โดยปี 2557 ที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าใหม่มาใช้บริการลงทุนของยูโอบีผ่านทีเอ็มบีเพิ่มขึ้น 25% ทำให้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปีก่อน โดยกองทุนที่ได้รับการตอบรับอย่างดีด้วยผลการดำเนินงานโดดเด่น เช่น กองทุนหุ้นญี่ปุ่นขนาดกลางและเล็ก (Japan Mid and Small Cap) และกองทุนลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ทั่วโลก (Global Health Care)
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภายหลังจากบลจ.ยูโอบี ได้เป็นหนึ่งใน 4 บลจ.ที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตร TMB Open Architecture “กองทุนดี ยี่ห้อดัง ครบที่ทีเอ็มบี” ของธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) โดยปี 2557 ที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าใหม่มาใช้บริการลงทุนของยูโอบีผ่านทีเอ็มบีเพิ่มขึ้น 25% ทำให้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปีก่อน โดยกองทุนที่ได้รับการตอบรับอย่างดีด้วยผลการดำเนินงานโดดเด่น เช่น กองทุนหุ้นญี่ปุ่นขนาดกลางและเล็ก (Japan Mid and Small Cap) และกองทุนลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ทั่วโลก (Global Health Care)
อย่างไรก็ตามบลจ.ยูโอบีมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ลงทุนผ่านทีเอ็มบี นอกจากความเชี่ยวชาญในการจับจังหวะลงทุนหุ้นไทยในระยะกลางและระยะยาวแล้ว ยังเป็นบริษัทในเครือของ UOB ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการลงทุนชั้นนำของสิงคโปร์และได้รับความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก จึงจะนำเสนอกองทุนใหม่ๆ ที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนให้นักลงทุน ในขณะที่การคัดเลือกกองทุนของทาง
ทีเอ็มบีมีเกณฑ์ตามมาตรฐานสากล เช่น กองทุนจะต้องมีนโยบายการลงทุนที่ชัดเจน มีผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญในสินทรัพย์นั้นๆ โดยเฉพาะผ่านแบบจำลองความเสี่ยงที่เหมาะสม มีกระบวนการตัดสินใจการลงทุนที่น่าเชื่อถือและมีโอกาสในการทำกำไรที่ดีให้ผู้ลงทุน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทีเอ็มบีคัดเลือกกองทุนดีๆ มานำเสนอให้แก่นักลงทุน
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลเปิดเผยว่า ได้เริ่มเปิดขายกองทุนกับทีเอ็มบีในปี 2557 ลูกค้าให้ความสนใจลงทุนผ่านทีเอ็มบีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ 31 พ.ค. 2558 จำนวนลูกค้าใหม่โตขึ้น 16% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจมาก จากจุดเด่นของบลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนและเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลกผ่านเครือข่าย Principal Financial Investors ที่เป็นสถาบันการเงินระดับโลก ทำให้มีข้อมูลการลงทุนในภาพกว้างและสามารถบริหารเงินลงทุนให้ลูกค้าที่ลงทุนผ่านทีเอ็มบีได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสม
สำหรับกองทุนของบลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลที่นำเสนอ เช่น กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ผลตอบแทนสูงภูมิภาคยุโรป (Europe High Yield Bond) กองทุนหุ้นลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ยกเว้นญี่ปุ่น (Asia Pacific Dynamic Income ex-Japan) กองทุนหุ้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กทั่วโลก (Global Small Cap Equity Fund) และกองทุนผสมที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ (Balanced Income Fund) ซึ่งทำให้ทีเอ็มบีสามารถเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ท่ามกลางสภาวการณ์ลงทุนในปีนี้ยังมีปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนสูง แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น การมีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE จากภูมิภาคยุโรปและญี่ปุ่นทำให้มีสภาพคล่องทั่วโลก แต่ความผันผวนของราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำ จึงมองว่าการลงทุนในปีนี้จะมีความผันผวนมาก
นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า ปัจจุบันบลจ.อเบอร์ดีนมีกองทุนที่ขายผ่านทีเอ็มบี ได้แก่ กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) กองทุนหุ้นไทย และกองทุนหุ้นอินเดีย ซึ่งมีลูกค้าทีเอ็มบีให้ความสนใจลงทุนกองทุน LTF และ RMF จำนวนมาก ซึ่งทีเอ็มบีถือเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกที่ให้บริการนี้แก่นักลงทุนทุกกลุ่ม ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ เลือกลงทุนในกองทุนดีๆ ได้อย่างเท่าเทียมกัน จึงเป็นโอกาสและทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่จะซื้อขายกองทุนผ่านทีเอ็มบี ซึ่งมีสาขาให้บริการกว่า 450 สาขา รวมถึงสาขาในอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า
สำหรับปีนี้การเติบโตของเงินลงทุนของลูกค้าผ่านทีเอ็มบีเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปีก่อน โดยเชื่อว่าด้วยปรัชญาการลงทุนในตลาดหุ้นของบลจ.อเบอร์ดีนด้วยการคัดสรรหุ้นคุณภาพที่เน้นคุณค่าระยะยาว ด้วยมาตรฐานการลงทุนระดับโลกจากกลุ่มอเบอร์ดีนที่เข้าใจสภาพตลาดอย่างดีจะเป็นอีกทางเลือกให้แก่ลูกค้าของทีเอ็มบีได้
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็น บลจ.ที่อยู่ทีเอ็มบีมานาน มองว่า TMB Open Architecture เป็นโครงการที่ดี เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลงทุนในกองทุนคุณภาพจากหลายบลจ. ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีลูกค้าสนใจมาใช้บริการกับทีเอ็มบีมากขึ้นและส่งผลดีกับ บลจ.ด้วยเช่นกัน เห็นได้จากปีที่ผ่านมาลูกค้าทีเอ็มบีมียอดเงินลงทุนกับบลจ.ทหารไทยเพิ่มขึ้นถึง 25%
ปัจจุบันบลจ.ทหารไทย มีกองทุนที่โดดเด่น 4 ประเภท ได้แก่ 1) กองทุนตราสารหนี้ 2) กองทุนหุ้นไทยที่มีการลงทุนแบบ Passive หรือการบริหารในเชิงรับ 3) กองทุนผสม และ 4) กองทุนต่างประเทศ (FIF) โดยเฉพาะกองทุน FIF ซึ่งบลจ.ได้ร่วมกับที่ปรึกษาด้านการลงทุนระดับโลก อย่าง Mercer คัดสรรกองทุนต่างประเทศที่มีผลดำเนินงานโดดเด่น ทั้งแบบ Active และ Passive ช่วยให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีและช่วยกระจายความเสี่ยง เช่น ตราสารหนี้ทั่วโลก หุ้นทั่วโลก หุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นญี่ปุ่น หุ้นจีน หุ้นเอเชีย Multi Asset ทองคำและน้ำมัน
สำหรับกองทุนตราสารหนี้นั้น กองทุนธนพลัสและธนไพบูลย์เติบโตต่อเนื่อง โดยลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้น้อยแบ่งเงินจากบัญชีเงินฝากมาลงทุนมากขึ้นจนขณะนี้กองทุนธนพลัสมีขนาดใหญ่กว่า 90,000 ล้านบาท ส่วนกองทุนหุ้นไทยแบบ Index Fund (หรือ Passive Fund) เช่น SET50 มีความโดดเด่นเรื่องขนาดกองทุนที่ใหญ่ ต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับกองที่บริหารแบบ Active หรือเชิงรุกและดัชนีเป็นที่รู้จักของนักลงทุน นอกจากนี้ บลจ.ได้นำการบริหารกองทุนหุ้นแบบ Passive มาผสมกับกองทุนตราสารหนี้ในสัดส่วนต่างกันสามแบบ ชื่อว่า SML หรือการจัดทัพลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะกับนักลงทุนที่มีระยะลงทุนต่างกัน เช่น กอง S มีสัดส่วนหุ้นเพียง 15% แต่สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี ทำให้นักลงทุนที่มีระยะเวลาลงทุนสั้นหรือยังไม่เคยลงทุนในหุ้นแต่อยากเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุนให้ความสนใจ