“จ่านิว” ควง “บอล” ยื่นป.ป.ช.ฟัน “7 กกต.” ส่อมีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่!!
“จ่านิว” ควง “บอล” ยื่นป.ป.ช.ฟัน “7 กกต.” ส่อมีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่!!
วันนี้(8 พ.ค.62) นายสิรวิชย์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นายธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือ บอล แกนนำแนวร่วมประชาชนเพื่อการเลือกตั้งที่เป็นธรรม ยื่นหนังสือถึง ประธานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อขอให้พิจารณาถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ทั้ง 7 คน
โดยนายสิรวิชย์ ระบุว่าขอให้ดำเนินการการไต่สวนและมีความเห็นกรณีกกต. มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่และจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พร้อมกับได้นำเอกสารหลักฐานจำนวนมาก รวมทั้งนำรายชื่อผู้ร่วมร้อง 4,833 รายชื่อยื่นพร้อมครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้เรา มุ่งหวังให้ป.ป.ช. ดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วและมีความเห็นแล้วมีมติ เพื่อยื่นต่อศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ตัดสินต่อไป เราไม่ต้องการให้จบแค่ชั้นป.ป.ช. แต่ต้องการให้ไปถึงชั้นศาล
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์ที่ตรวจพบ 11 กรณี คือ 1. การที่วินิจฉัยให้ บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์เป็นบัตรที่ไม่สามารถนับคะแนนได้ ทำให้สิทธิ์และเสียงของประชาชนไทยในนิวซีแลนด์ จำนวน 1,542 ใบ ไม่สามารถสะท้อนเจตจำนงได้
2.การตรวจสอบกรณี ระดมทุนโดยจัดโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ เป็นไปด้วยความล่าช้าและเข้าข่ายเลือกปฏิบัติ เมื่อเทียบกับการดำเนินคดีพรรคการเมืองอื่นที่สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว
3.กรณีบัตรเขย่ง ที่มีบัตรเลือกตั้งหายไป 9ใบและมีการจัด เลือกตั้งใหม่บางหน่วย ซึ่งการเลือกตั้งใหม่นั้นเป็นการเลือกตั้งที่รู้ผลอยู่แล้วจึงเข้าข่าย จะเป็นการเลือกตั้งโมฆะตามแนวทางวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้วินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 เป็นโมฆะ
4.จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งแถลง ในวันที่ 24 มีนาคม กับวันที่ 28 มีนาคมไม่ตรงกัน ก็อาจทำให้การเลือกตั้ง เกิดความไม่โปร่งใส
5.ดุลย์พินิจในการวินิจฉัยบัตรดีและบัตรเสียของกรรมการประจำหน่วย มีความคลาดเคลื่อนและส่งผลให้การนับคะแนนเกิดปัญหาดังที่เราได้เห็นในการนับคะแนนใหม่เขต1 จังหวัดนครปฐม จึงต้องการให้มีการตรวจสอบว่ากกต.กลาง ได้มีการวินิจฉัยในประเด็นนี้แล้วมีการแก้ไขหรือยัง
6.เอกสารประชาสัมพันธ์ของกกต. เกิดความผิดพลาดทำให้เกิดความเข้าใจและสำคัญผิดในตัวผู้สมัคร บางราย เช่น การกรอบวุฒิการศึกษาผิดพลาด การจัดเรียงหน้าเอกสารผิดพลาด ทำให้เกิดความเข้าใจผิดของหมายเลขผู้สมัคร การกรอกชื่อของพรรคการเมืองของผู้สมัครคนนั้นผิดพลาด เอกสารประชาสัมพันธ์ผิดพลาดเช่นนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสำคัญผิดในตัวผู้สมัคร
7.การพบบัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเด็กอายุ7ขวบ และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว 20 กว่าปี อยู่ในบัญชีผู้มีสิทธิ์ทั้งที่เป็นผู้ไม่มีสิทธิ์ กรณีเช่นนี้อาจเกิดความไม่โปร่งใส
8.ความล้มเหลวในการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่มาเลเซีย ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้ประชาชนบางรายไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ทัน
9.การนับคะแนนใหม่เขต1นครปฐม พบว่าการนับคะแนนของวันที่ 24 มีนาคมกับวันที่ 28 เมษายนนั้นจำนวนผู้มีสิทธิ์ต่างกัน และเกิดความคลาดเคลื่อนในการนับคะแนนทั้งสองครั้ง ซึ่งอาจสะท้อนว่าเกิดความไม่โปร่งใส ในการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น
10.พฤติกรรมเลี่ยงตอบคำถามของกกต. โดยข้ออ้างว่าไม่มีเครื่องคิดเลข การจงใจไม่ตอบคำถามของนักข่าวก็รณีที่มีชื่อเด็กและคนตายในบัญชีผู้มีสิทธิ์ การไม่ยอมเปิดเผยสูตรการคำนวณส.ส. บัญชีรายชื่อ ถือได้ว่าเป็นการจงใจปกปิดข้อมูลสาธารณะซึ่งขัดต่อจริยธรรมการปฏิบัติหน้าที่ของกกต.
11.กกต. ไม่ดำเนินการเอาผิดใดๆกับผู้ที่ทำให้บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมาถึงล่าช้าจึงทำให้ยอด บัตรการลงคะแนนเสียงไม่ตรงกับผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือบัตรเขย่งซึ่งถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ม.157