SCN โชว์ผลงานไตรมาส 1 โต 57% เปิดแผนรุกขยายธุรกิจยานยนต์-พลังงานหมุนเวียนต่อเนื่อง

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.62 ดังนี้

 

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCN เปิดเผยว่า รายได้รวมผลประกอบการในไตรมาส 1/2562 โตขึ้นกว่า 265.7 ล้านบาท หรือ 34.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 57.4% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ลดลงจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักของการเติบโตในไตรมาส 1/2562 มาจากการส่งมอบรถเมล์ NGV งวดสุดท้ายจำนวน 189 คันจากทั้งหมด 489 คัน เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้กว่า 365.5 ล้านบาท ทำให้รายได้ของบริษัทในไตรมาสนี้สูงถึง 1,040 ล้านบาท ทั้งนี้้เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการส่งมอบรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ให้แก่ขสมก. บริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพและพร้อมที่จะเดินหน้าเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจด้านยานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาด โดยได้จัดตั้ง 2 บริษัทย่อย 2 บริษัทย่อย เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และเตรียมลุยงานประมูลโครงการจัดซื้อจัดเช่าของ ขสมก. ซึ่งมีแผนในโครงการแรกจำนวน 300 คัน รวมไปถึงโครงการอื่นๆ ของทั้งภาครัฐบาลและเอกชนในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯได้มีการเติบโตขึ้นเช่นกันที่ 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการชะลอตัวของการใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) แต่ด้วยความสำเร็จของธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมุ่งที่จะขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ ไปยังประเทศในแถบ Asia-Pacific ที่มีปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ การเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 220 MW ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา นั้น สำหรับเฟสแรก ขนาด 50MW มีความชัดเจนอย่างมาก ซึ่งคืบหน้าไปกว่า 90% คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/62 จะทำให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรเข้ามาเสริม รับโอนหุ้นเพิ่มเติมอีก 10% รวมเป็น 40% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังจากโครงการดำเนินการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ศึกษาแล้วว่าจะมีผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่การลงทุนอย่างแน่นอน

อีกทั้งยังมุ่งเน้นมองหาโอกาสการลงทุนในโครงการใหม่ทั้้งในและนอกประเทศไทย ซึ่งดำเนินการศึกษาโครงการแต่ละโครงการที่จะลงทุนอย่างละเอียด และเป็นไปด้วยความรัดกุมเพื่อปิดความเสี่ยงให้ครบในทุกๆ ด้าน

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2562 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ยังคงดำเนินงานไปตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้อย่างชัดเจน มีการปรับโครงสร้างกลยุทธ์ทั้งในองค์กรและด้านการดำเนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 30%

ปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อมที่จะเข้าแข่งขันเพื่อรุกหาโครงการใหม่ๆในทุกสายธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ มาเสริมรายได้และสร้างการเติบโตที่มั่นคงให้กับบริษัทฯ ทั้งนี้กำลังอยู่ในช่วงเข้มข้น โดยบริษัทฯ ค่อนข้างมั่นใจว่าจะมีโอกาสได้เข้าร่วมพัฒนาและดำเนินการในโครงการใหม่ๆ ซึ่งคาดว่าจะมีข่าวดีการลงนามเซ็นสัญญาร่วมกับพันธมิตรในช่วงเดือนมิถุนายนกรกฎาคมนี้