หุ้นดีอยู่หนใด?

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากมองกันตามความจริงจะเห็นว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยนับวันแทบจะหาข่าวดีมาเล่าสู่กันฟังยากเหลือเกิน เพราะบรรดาหุ้นที่เห็นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงก่อนหน้านี้ต่างพากันหัวปักลงดินเป็นแถว จนเดี๊ยนมองไม่เห็นจุดเด้งกลับของหุ้นแต่ละตัวอยู่ตรงไหน ? มันเป็นช็อตที่ทำให้หลายอย่างอึมครึมหนักขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับเป็นการย้ำหัวหมุดอีกครั้งว่า จบรอบขาขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วนะจ๊ะ

*สาเหตุที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นมาจากประเด็นของข่าวสารที่คิดว่าน่าจะมีอะไรใหม่ ๆ จรรโลงจิตใจ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีอะไรในกอไผ่ (นอกจากหน่อไม้) บรรดาผู้เล่นกลุ่มสถาบันถึงทิ้งหุ้นออกมาไม่หยุดหย่อน วานนี้ถึงเป็นวันที่ดัชนีไหลลงอีกครั้ง ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 1,640.13 จุด ลบไป 8.56 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.10 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องสุดวิสัยสำหรับการเล่นเที่ยวนี้จริง ๆ เพราะมันไม่มีปัจจัยเหนี่ยวรั้งให้ถือหุ้นต่อไปไงล่ะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า หุ้นดีอยู่ที่ไหน ? ขนาดหุ้นทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองกลับโดนขายหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนหุ้นที่มีผลงานไม่เอาอ่าวก็โดนถล่มหนักแบบไม่ให้ผุดให้เกิด มันเป็นสถานการณ์ที่บีบรัดหัวใจคนที่นั่งเฝ้าหน้ากระดานหุ้นอย่างแรง เพราะมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้หุ้นกลับมาเขียวทั้งแผงได้นะซี

*ขนาดม้านอกสายตาที่สามารถรักษาผลงานได้เสมอต้นเสมอปลายอย่าง ESSO ยังไม่ได้รับการเหลียวแลจากนักเล่นขาประจำ จนเป็นเหตุให้หุ้นลงมานิ่งสงบบริเวณ 10.60 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.85%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 186 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องของผลกระทบทาง “จิตวิทยา” มากกว่าปัจจัย “พื้นฐาน” จึงไม่สามารถฝ่ากระแสแรงเทขายขึ้นไปแบบสวย ๆ เดี๊ยนถึงรู้สึก ใสเจีย..เสียใจ เหลือเกินเจ้าค่ะ

*ที่สำคัญเมื่อหันไปดูเจ้าพ่อขายไก่ขายหมูอย่าง CPF ซึ่งทำผลงานได้อย่างเลิศหรูอลังการงานสร้าง แต่ราคาหุ้นกลับทำได้แค่ยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 27.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.83 พันล้านบาท ย่อมเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนเข้าใจในสัจธรรมเรื่องของความเชื่อมั่นมีผลต่อการลงทุนจริง ๆ ถึงทำให้หุ้นบลูชิพรายนี้สามารถประคองตัวได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับหุ้นทั้งตลาดที่ปิดแดงเถือกนะจะบอกให้

*ของแท้แน่นอนในเที่ยวนี้ต้องมองไปที่ GULF สามารถยืนปิดที่ 106 บาท บวกไป 1 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 490 ล้านบาท มันเป็นภาพที่บอกให้รู้ว่า เมื่อทิศทางการเติบโตของบริษัทมีความชัดเจน บวกกับหลายอย่างอยู่ในจุดที่สามารถคาดเดาต่าง ๆ นานาได้ง่ายขึ้น ราคาหุ้นมักวิ่งขึ้นไปรอข่าวจริงก่อนปรากฏเป็นประจำ ส่งผลให้หุ้นเดินหน้าทำ all time high เป็นว่าเล่นไงล่ะคะ

*ส่วนรายที่มาแบบเหนือเมฆจริง ๆ “โมนิก้า” ขอซูฮกให้กับหุ้นเครื่องดื่มชูกำลัง CBG หลังกระชากขึ้นมาปิดที่ 60.75 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 578 ล้านบาท พร้อมกับโชว์ตัวเลขกำไรโตเท่าตัวชนิดที่แมงเม่าได้แต่นั่งอ้าปากค้าง แถมเป็นการเฉลยสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นแรงก่อนหน้านี้ทุกเม็ดแบบนี้ บรรดาแมงลือถึงเม้าท์มอยกันสนุกสนานเหลือเกินว่า งานนี้มีพวกนกรู้หลายตัวอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงตรงนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็อยากให้ดูหุ้น EPG เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจนักเล่นให้รู้ว่า ราคาหุ้นที่เห็นว่าถูกสุด ๆ ก็ยังมีราคาที่ถูกกว่าให้เห็นอีกจนได้ วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 5.55 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 8.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นมาเมื่อปี 2557 ซึ่งตอนนั้นขายไอพีโอที่ระดับราคา 5.80 บาท มันเป็นเรื่องสะเทือนอารมณ์นักเล่นจริง ๆ นะจ๊ะ

*อีกรายที่กลายเป็นทอล์กใหญ่ในหมู่แมงลือต้องยกให้กับน้องสวย BEAUTY ถูกเทขายครั้งแล้วครั้งเล่า จนราคาหุ้นไหลลงมาปิดที่ 5.45 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 527 ล้านบาท เหมือนเป็นภาพสะท้อนให้รู้ว่า มองไปทางไหนก็มีแต่แรงขาย หุ้นถึงยังไม่มีโอกาสผงกหัวขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หลังอ่อนตัวทำ new low ในรอบ 3 ปี กับอีก 1 เดือนครึ่งไงล่ะคะ

*ส่วนรายที่กลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการลงทุนในเที่ยวนี้ไปเสียแล้ว “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น TAE หลังทำตัวเลขกำไรเติบโตถึง 3 เท่าตัว บรรดาขาลุยเลยกระโจนใส่มือเป็นระวิง จนราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 3.10 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 17.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65 ล้านบาท ถือเป็นช็อตที่น่าไหลตามน้ำสุด ๆ เพราะการกลับมาเที่ยวนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน..เขาเม้าท์ไว้อย่างนั้นจ้า !