AQ พุ่ง 11.11% พร้อมวอลุ่มคึก คาดเก็งกำไรเจรจาพันธมิตรทำธุรกิจ-ผลงานสดใส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ โดย ณ เวลา 15.59 น. อยู่ที่ระดับ 0.40 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 11.11% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 171.70 ล้านบาท ราคาหุ้นขยัยขึ้นต่อเนื่องโดยนับตั้งแต่หุ้นปรับตัวจากระดับ 0.31 บาท เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 58 จนถึงล่าสุดหุ้นปรับตัวขึ้นแล้ว 29.03%

ก่อนหน้านี้ นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 58 ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริทรัพย์ 3 ราย เพื่อจะเป็นผู้ให้บริการในการบริหารโครงการคอนโดมิเนียม โดยมูลค่าโครงการที่บริษัทจะเข้าไปรับบริหารอยู่ที่ระดับ 800 ล้านบาท ถึงมากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะได้ข้อสรุป 1 ราย ที่มีมูลค่าโครงการมากกว่า 1 พันล้านบาท

ขณะที่ในวันนี้บริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ ซึ่งเป็นโครงการแรกในปีนี้ ภายใต้ชื่อโครงการ”เอคิว อาเรีย อโศก” มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท จุดเด่นของโครงการอยู่ที่ความสูงเพดานที่ 360 เซ็นติเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัยได้จริงอีกถึง 38% ทั้งนี้โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 66 ตารางวา มีอาคารสูง 1 อาคาร 29 ชั้น ขนาด 1 ห้องนอน จำนวน 315 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.98 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 61 โดยจะเปิดจองได้ในงาน Pre-opening วันที่ 27 มิ.ย. นี้ ซึ่งตั้งเป้าการขายได้ที่ 80-90%

ด้านนายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ของ AQ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 2.5 พันล้านบาท หลังในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ทำยอดขายได้แล้ว 1.3 พันล้านบาท และคาดว่ายอดขายในครึ่งปีแรกจะทำยอดขายได้ 2 พันล้านบาท ขณะที่ได้ปรับลดการเปิดโครงการใหม่ไนปีนี้เหลือ 8 โครงการ มูลค่ารวมราว 7.5 พันล้านบาท จากเดิมที่วางแผนเปิด 9 โครงการใหม่ในปีนี้ มูลค่ารวม 8 พันล้านบาท เนื่องจากได้เลื่อนการเปิดโครงการแนวราบ 35 รังสิต มูลค่าราว 1 พันล้านบาทเป็นปีหน้า เพราะยังไม่ได้รับใบอนุญาตการจัดสรรที่ดิน

โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดโครงการใหม่อีก 7 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 6 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ระดับ 600 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปี 59 ส่วนงบซื้อที่ดินปีนี้ตั้งไว้ที่ระดับ 1 พันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ใช้งบดังกล่าว