CHAYO คาดรายได้ไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง ลุยซื้อหนี้มีหลักประกันเพิ่ม 500-1,000 ลบ.
CHAYO คาดรายได้ไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง ลุยซื้อหนี้มีหลักประกันเพิ่ม 500-1,000 ลบ.
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 น่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 1/62 จากการทยอยซื้อหนี้ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร โดยคาดว่าจะมีหนี้ทยอยออกมาประมาณ 2,000 ล้านบาท และคาดหวังว่าจะได้งานราว 25-50% ของมูลค่ารวม หรือไม่น้อยกว่า 500-1,000 ล้านบาท ประกอบกับในช่วงปลายเดือนมี.ค.62 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหนี้ที่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งจะมีการบันทึกเข้ามาในช่วงไตรมาส 2/62 ส่วนหนี้ที่ไม่มีหลักประกันจะเริ่มซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้ในช่วงไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เชื่อว่างานประมูลจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3/62 และไตรมาส 4/62 ซึ่งเป็นช่วงที่สถาบันการเงินจะเร่งขายหนี้ออกมาเป็นจำนวนมาก เห็นได้จากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบปรับตัวสูงขึ้น โดยในไตรมาสแรก NPL เพิ่มขึ้นมาที่ 3.1% หรือคิดเป็น 4.5 แสนล้านบาท จากไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 2.91% คิดเป็น 4.3 แสนล้านบาท โดยบริษัทฯ วางงบลงทุนรวมไว้ที่ 1,000-1,250 ล้านบาท ส่วนใหญ่นำไปซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารราว 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ที่มีหลักประกัน 70-80% และหนี้ไม่มีหลักประกัน 20-30%
พร้อมกันนี้มองการจัดเก็บหนี้ในครึ่งหลังปีนี้อาจจะมีความยากลำบากขึ้น ตาม NPL ในระบบที่สูงขึ้น แต่บริษัทฯ จะพยายามจัดเก็บหนี้ให้ได้ตามเป้าหมาย โดยใช้โปรโมชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล บริษัทฯ ได้เริ่มปล่อยสินเชื่อทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันไปแล้วจำนวนรวม 5.9 ล้านบาท ซึ่งทั้งปีตั้งเป้าไว้ที่ 200-250 ล้านบาท
“เราคาดว่าไตรมาส 2/62 รายได้และกำไรสุทธิ น่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 1/62 จากการซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้เพิ่มขึ้น และการจัดเก็บหนี้ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งปียังคงเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 255.65 ล้านบาท”
นอกจากนี้บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการขายทรัพย์ NPA จำนวน 5 แปลงในพื้นที่ที่มีโลเกชั่นที่ดีให้กับกรมบังคับคดี ในราคาที่บริษัทตั้งไว้ คาดหวังว่าจะสามารถขายได้ในจำนวน 2-3 แปลง ส่วนที่เหลือบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 2-3 บริษัท และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ 2 บริษัท เพื่อร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) ในการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในทรัพย์ NPA ของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 4/62
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/62 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 27.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 64.38% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 36.51% รายได้รวมอยู่ที่ 75.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.68% เนื่องจากธุรกิจบริหารหนี้เติบโต รับรู้รายได้จากการขายหลักประกันของหนี้ด้อยคุณภาพ และการจัดเก็บหนี้เพิ่มขึ้น รวมทั้งเริ่มรับรู้รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อหนี้ไม่มีหลักประกันของบริษัทย่อย
ทั้งนี้ในไตรมาส 1/62 บริษัทฯ ได้ดำเนินการซื้อหนี้เข้ามาบริหารแล้ว 198.82 ล้านบาท รวมมีมูลหนี้คงค้าง ณ สิ้นไตรมาส 1/62 อยู่ที่ราว 38,550 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน 91% และหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 9%