20 หุ้นถูกชอร์ตหนัก! ลุ้น บิวตี้-IVL-บ้านปู-THAI เด้งแรงสุด อัพไซด์ Consensus สูงเกิน 30%

จากการสำรวจข้อมูลการขายชอร์ตระหว่างวันที่ 1 ม.ค.62 – 21 พ.ค.62 พบว่า มีหุ้นหลายตัวที่ถูกขายชอร์ต (Short Selling) ออกมาอย่างหนัก และคาดว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนในการซื้อกลับอีกครั้ง

โดยจากการสำรวจของทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” พบว่าในช่วงดังกล่าวหุ้นที่ถูกขายชอร์ตหนักซึ่งได้คัดเลือกมานำเสนอ 20 อันดับ อาทิ PTTGC, EA, KBANK, PTTEP, IVL, THAI, TMB, CBG, BANPU, BEAUTY, ADVANC, GLOBAL, SCB, TRUE, BH, SCC, INTUCH, KCE, BDMS และ CPALL ดังตารางประกอบ

ทั้งนี้หากสังเกตกลุ่มหุ้นที่ถูกขายชอร์ตทั้ง 20 ตัว จะพบว่าหุ้นส่วนใหญ่ราคาปรับตัวลงแรงหากเทียบนับตั้งแต่ราคาปิดเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2562-21 พ.ค.2562 นอกจากนี้ราคาหุ้นส่วนใหญ่มีอัพไซด์ค่อนข้างสูง ดังนั้น คาดว่าในอนาคตหุ้นกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นแรงอีกทาง

โดยเฉพาะบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY,บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL,บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU,บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ซึ่งพบว่ามีอัพไซด์สูงสุดเกิน 30% ดังตารางประกอบ

อนึ่งการขายชอร์ต (Short Selling) คือ การยืมหุ้นจากบริษัทโบรกเกอร์มาขายก่อน จากนั้นค่อยมาซื้อคืนภายหลังในราคาที่ต่ำกว่า โดยจะได้กำไรจากส่วนต่างราคา นักลงทุนจะใช้วิธีนี้เมื่อมีเหตุการณ์ที่คาดการณ์ได้ว่าราคาหุ้นจะต้องตกลงไปมากอย่างแน่นอน

การจะขายชอร์ตได้นั้นนักลงทุนจะต้องทำในบัญชีมาร์จิ้นเท่านั้น และหุ้นที่จะขายชอร์ตได้ต้องเป็นหุ้นของบริษัที่อยู่ใน SET 100 Index เท่านั้น หากต้องการขายชอร์ตนักลงทุนที่มีบัญชีมาร์จิ้นอยู่กับโบรกเกอร์ใดก็ให้ติดต่อไปที่บริษัทโบรกเกอร์นั้นและแจ้งความประสงค์

ทั้งนี้การทำ Short Selling นั้นเป็นการยืมหุ้นมาขายดังนั้นสุดท้ายแล้วก็ต้องซื้อหุ้นกลับคืนโบรกเกอร์ (Buy To Cover) เท่ากับจำนวนที่ยืมมา ซึ่งหากราคาหุ้นไม่ได้ตกลงอย่างที่คาดไว้ แทนที่จะได้กำไรก็ต้องขาดทุนจากส่วนต่างที่ขายไปถูกและซื้อกลับคืนในราคาแพง โดยเหตุผลในการทำ Short Selling มีอยู่ 2 ประการ 1. คือเพื่อลดความเสี่ยง 2. เก็งกำไร

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน