CHAYO กำไรโต โห่ฮิ้ว!

CHAYO มีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง การเงินแข็งแกร่ง บริษัทย่อยรุกธุรกิจสินเชื่อหนุน แนวโน้มกำไรปี 62 ทะลุ 100 ล้านบาท


คุณค่าบริษัท

มีการประมาณการกำไรสุทธิของบริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ในปี 2562 มีโอกาสโตราว 108 ล้านบาท เติบโต 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากแผนการซื้อกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มเติมมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท คาดจะใช้งบลงทุนราว 1-1.25 พันล้านบาท

นอกจากนี้ มีการเติบโตจากบริษัทย่อยที่ก่อตั้งใหม่ ได้แก่ บริษัท ชโย แคปปิตอล ซึ่งจะดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อ โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในปีนี้ที่ 200-250 ล้านบาท และบริษัท ชโย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ เซอร์วิส ซึ่งจะดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพชนิดมีหลักประกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คาดจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 4/2562

ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจัดหาเงินลงทุนด้วยการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง 40 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็น 7% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด มูลค่าทั้งสิ้น 153 ล้านบาท และยังมีแผนออกหุ้นกู้มูลค่ากว่า 1,250 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทเดินหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ

หลังจากที่สามารถโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่น อย่างไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงานขยับขึ้นมาอยู่ที่ 75.05 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 24.91 ล้านบาท เป็นผลจากมีรายได้จากบริการเร่งรัดหนี้และรายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 27.47 ล้านบาท หรือ 0.0489 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 14.47 ล้านบาท หรือ 0.0321 บาทต่อหุ้น

สิ่งสำคัญ เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อใช้เป็นตัวแปรตัดสินใจลงทุน พบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่งมาก เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 355.98 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 52.99 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 6.72 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทมีมากพอสมควรที่อาจทำให้ทุนจม

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 70.50 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีมากถึง 943.85 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.07 เท่า แสดงว่าบริษัทปลอดเรื่องปัญหาหนี้สิน ซึ่งจะไม่มีอุปสรรคต่อการดำเนินงานแต่อย่างใด

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเหมาะสมโดยอิง Prospect PER ที่ 28 เท่า ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งที่ระดับ 25 เท่า เนื่องจากมีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่นกว่า โดยประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2562 ราว 0.18 บาท ได้ราคาเหมาะสม 5.00 บาท เพิ่มจากราคาเหมาะสมเดิมที่ 4.80 บาท เนื่องจากมีจำนวนหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงน้อยกว่าคาด เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน อัพไซด์ราว 15% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ 314,926,720 หุ้น 52.49%
  2. นายไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา 21,099,300 หุ้น 3.52%
  3. นายณัฐวัช ยศะสินธุ์ 20,718,240 หุ้น 3.45%
  4. นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ 19,600,000 หุ้น 3.27%
  5. นายธิติ ยศะสินธุ์ 19,240,840 หุ้น 3.21%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ
  2. นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, รองประธานกรรมการ
  3. น.ส.สิริพรรณ จันทร์ทิพย์ กรรมการ
  4. นายเสกสรรข์ รังสิยีรานนท์ กรรมการ
  5. นายวิทยา อินาลา กรรมการ

Back to top button